อินฟลูฯ สายกล้าม ร่ายยาวแจงดราม่าตบเด็ก ลั่นแค่ตีเบา ๆ เฉียด ๆ ผม อ้างเด็กเพิ่งร้องทีหลัง ทั้งที่ไม่ได้ทำร้าย ยันไปพบตำรวจแล้ว พร้อมไกล่เกลี่ย-รับผิดชอบ

จากกรณีฉาว อินฟลูฯ สายกล้ามที่เป็นไลฟ์โค้ช ตบเด็กที่สปอร์ตคลับ
เหตุเพราะเด็กวิ่งที่ขอบสระมาชนปลายตีนกบ อีกทั้งยังไล่ตามไปทำร้าย
จนเด็กหวาดกลัวและมีรอยฟกช้ำ ทำให้ชาวเน็ตเดือดดาลไม่น้อย
มองว่าทำเกินกว่าเหตุ

พร้อมร่ายยาวชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้
- วันที่ 30 พฤษจิกายน ประมาณ 16.30 น. ตนซ้อมดำน้ำเสร็จ กำลังนั่งพักคุยโทรศัพท์บริเวณใกล้สระน้ำ โดยวางฟิน หรือตีนกบที่ใช้ดำน้ำไว้ขอบสระ
- ตอนนั้นเห็นเด็กชาย 2 คน เดินเล่นมาตามขอบสระ เด็กคนหนึ่งเดินเตะโฟมว่ายน้ำของสระ ที่วางอยู่ตรงขอบสระ ระหว่างที่เดินเข้าใกล้จุดที่ตนวางฟิน ตนคิดว่าไม่เป็นอะไรจึงหันหน้าออกไปคุยโทรศัพท์ตามปกติ
- สักครู่หันมาอีก เห็นเด็กที่ตัวเล็กกว่า กำลังยืนใช้เท้าเหยียบอยู่บนฟินของตนทั้ง 2 ข้าง พร้อมหยิบโฟมฝึกลอยตัวของสระขึ้นมาแกว่งเล่น
- ตนจึงเดินเข้าไปบอกเด็กพร้อมชี้ให้ดูว่า "เห้ย ! เห็นไหมเนี่ย เราเหยียบของอยู่ครับ" แต่เด็กก็หันมามองหน้าตนเฉย ๆ และยังคงยืนเหยียบฟินอยู่เหมือนเดิม ไม่ขอโทษ
- ตนถอนหายใจ 1 ครั้ง รู้สึกโมโหเล็กน้อยปนเหนื่อยหน่ายระอาใจกับความซนของเด็ก จึงพูดตำหนิว่า "ทำไมถึงเหยียบของ เห็นไหมของเสียหาย"
- ตนตักเตือนเด็กโดยการใช้ปลายนิ้วมือข้างซ้ายตีเบา ๆ เล็งแค่พอให้เฉียดเส้นผมที่ท้ายทอยด้านขวาของเด็ก ยังมีสติในการคิดยั้งมือเพื่อให้แรงตีนั้นเบามากและโดนแบบเฉียด ๆ เพราะไม่ได้มีเจตนาให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเด็ก เพียงแค่อยากอบรบสั่งสอน และตักเตือนเบา ๆ เท่านั้น
- ยืนยันว่ามือเฉียดเส้นผมด้านบนศีรษะ ไม่ได้โดนศีรษะของเด็กตรง ๆ ไม่ได้ตบบ้องหูเด็ก
- หลังกล่าวตำหนิให้เด็กขอโทษ มีแค่เด็กคนหลังที่ยกมือไหว้ กล่าวขอโทษ แต่เด็กคนที่เหยียบฟินยืนเกาหัวแล้วยิ้มให้
- เด็กเดินออกไป ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก ไม่ได้ร้องไห้หรือวิ่งหนี
- ราว 5-10 นาที ต่อมา ตนคิดว่าอยากพบผู้ปกครองเด็กเพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพื่อให้อบรมสั่งสอนบุตรหลาน ไม่ได้เจตนาจะต่อว่าหรือต้องการค่าเสียหาย เพราะรู้ว่าเด็กซน ไม่ได้ตั้งใจ ส่วนตัวไม่ได้ถือสาอะไร แต่อยากให้ผู้ปกครองรับทราบเท่านั้น
- ตนจึงรีบเดินตามหาเด็กทั้งสองอีกครั้ง เพื่อไปสอบถามหาผู้ปกครองว่าเป็นใคร จนเจอตัวที่ประตูทางเข้าสระพอดี จึงใช้มือจูงแขนเด็กมาที่เคาน์เตอร์ด้านในอาคารเพื่อถามหาผู้ปกครองจากพนักงาน
- ย้ำว่าตนไม่ได้บีบแขนหรือฉุดกระชากลากเด็กมา เพียงจูงและค่อย ๆ พาให้เดิน
- ตนสอบถามกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า "ขอโทษครับ ใครเป็นผู้ปกครองเด็ก 2 คนนี้ พอทราบไหมครับ ช่วยตามหน่อย เด็กเหยียบฟินดำน้ำของผม" พนักงานจึงรีบประสานหาผู้ปกครองให้ แต่ผมยังจับแขนของเด็กทั้งสองไว้อยู่เพื่อไม่ให้เด็กเดินหนีไป
- เด็กที่โตกว่าพูดกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า "ผมไปเหยียบอะไรไม่รู้ แต่ผมก็ได้ขอโทษเขาแล้วครับ แล้วเขาก็มาจูงแขนผมอีก" ผ่านไปไม่ถึง 1 นาที มีเจ้าหน้าที่ชายสวมเสื้อแจคเก็ตสีแดง คาดว่าเป็นครูสอนว่ายน้ำประจำสระน้ำเดินเข้ามาช่วยเจรจา
- เมื่อเด็กเห็นเจ้าหน้าที่ ก็ส่งเสียงร้องไห้และเอามือซ้ายขึ้นปิดหน้า แล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่า "ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ทำ เค้าตบหัวผมด้วยครับ" ส่วนเด็กอีกคนมองเฉย ๆ จากนั้นตนก็ปล่อยเด็ก

- ผู้ปกครองถามกลับว่า "แล้วคุณทำเด็กทำไม" ตนเลยกล่าวว่า "ใช่ครับ ทำเพื่อสั่งสอนเล็กน้อยให้เด็กรู้ว่าผิด"
- ผู้ปกครองบอกว่า "งั้นผมแจ้งความคุณแล้วกัน" ตนจึงตอบกลับว่า "ผมต้องขอโทษเหรอครับ ของผมเสียหายนะ" ผู้ปกครองจึงตอบว่า "ไม่ต้อง ผมจะแจ้งความ"
- จากนั้นตนก็เดินออกไป เพราะไม่อยากมีเรื่องทะเลาะด้วย เพราะฝ่ายพ่อเด็กดูอารมณ์ร้อน ไม่พร้อมเจรจา เลยคิดว่าออกมาก่อนดีกว่า แล้วค่อยหาทางติดต่อกลับไปเจรจากันใหม่ เพื่อขอโทษที่ตนตีเด็ก แม้จะกระทำเบา ๆ และไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ตนก็รู้สึกผิดว่าไม่ควรทำเช่นนั้น
- ราว 19.30 น. มีตำรวจ สน.ทองหล่อ ติดต่อมาแจ้งว่าผู้ปกครองเด็กไปแจ้งความ ว่าตนทำร้ายร่างกายเด็ก 2 คน ให้ตนไปเจรจาไกล่เกลี่ย
- ตนบอกตำรวจแล้วว่าสะดวกไป แต่ขณะนั้นมีเสียงคาดว่าเป็นผู้ปกครองเด็กดังแทรกเข้ามา ว่าไม่สะดวกเจรจา ตำรวจจึงบอกให้ผู้ปกครองใจเย็น และบอกตนว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับ
- ตนตัดสินใจเข้าไปให้ปากคำและลงบันทึกประจำวันที่ สน.ทองหล่อ แล้ว เพื่อแสดงตนว่าไม่ได้มีเจตนาหลบหนี และอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
- ตำรวจได้รับทราบและลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งตนว่า รอผู้ปกครองใจเย็นลงก่อน จะติดต่อประสานงานนัดเจรจาไกล่เกลี่ยให้ และต้องรอดูผลการตรวจร่างกายดูบาดแผลของเด็กก่อน และทางตำรวจจะโทร. ติดต่อกลับไป
- วันที่ 2 ธันวาคม ตนเริ่มเห็นหลายเพจในโซเชียลลงข่าว เหตุการณ์อินฟลูฯ เพาะกาย ที่มีคนติดตาม 4 แสนกว่าคนตบเด็ก รวมถึงมีคลิปวงจรปิดไปเผยแพร่ พร้อมเนื้อหาที่รุนแรงเกินจริง ซึ่งหลายคนรู้ว่าเป็นตน จนตนต้องปิดโซเชียลไปก่อน
- วันที่ 6 ธันวาคม สน.ทองหล่อ ยังไม่ได้ติดต่อตน ตนจึงเข้าไปที่ สน. อีกครั้งเพื่อให้ตำรวจเป็นตัวกลางประสานเจรจาไกล่เกลี่ย รวมถึงลงบันทึกประจำวันเพื่อต้องการแสดงความขอโทษและรับผิดชอบ โดยยื่นข้อเสนอเป็นเงินเยียวยาต่อเด็กทั้ง 2 คน และขอรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอในการโพสต์ข้อความขอโทษลงในเพจเฟซบุ๊กของตนด้วย
- สรุปคือ ตนได้สำนึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับรู้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องราวนี้เป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ตนคิดได้ว่า หลังจากนี้ไปจะทำการใดต้องนึกถึงผลที่ตามมา และใช้สติในการดำเนินชีวิตมากขึ้น


ข่าวในพระราชสำนัก ข่าวในพระราชสํานักย้อนหลัง
ข่าวบันเทิงดาราไทยข่าวบันเทิงวันนี้ ข่าวบันเทิงล่าสุด
ข่าวบันเทิงเกาหลีข่าวบันเทิงเกาหลีวันนี้
ข่าวบันเทิงต่างประเทศข่าวดาราฮอลลีวู้ด และอื่นๆ
ข่าวเพลงใหม่ข่าวเพลงวันนี้
ข่าวหนังใหม่ข่าวหนังต่างประเทศ
ข่าวการเมืองข่าวการเมืองล่าสุด ข่าวการเมืองวันนี้
ข่าวเศรษฐกิจข่าวเศรษฐกิจโลก ข่าวเศรษฐกิจไทย
ข่าวต่างประเทศข่าวต่างประเทศวันนี้ ข่าวต่างประเทศล่าสุด
ข่าวประเทศจีนข่าวจีนวันนี้ ข่าวจีนแปลกๆ
ข่าวอาชญากรรมข่าวอาชญากรรมวันนี้ ข่าวอาชญากรรมล่าสุด
ข่าวปัญหาสังคมข่าวเตือนภัยสังคม
ข่าวยาเสพติดจับยาเสพติดวันนี้
ข่าวอุบัติเหตุคลิปอุบัติเหตุ อุบัติเหตุสยอง ข่าวอุบัติเหตุวันนี้
ข่าวสภาพอากาศ - น้ำท่วมข่าวพยากรณ์อากาศ น้ำท่วมล่าสุด
ข่าวภูมิภาคข่าวภูมิภาค 77 จังหวัด ข่าวภูมิภาควันนี้
ข่าวภาคใต้ข่าวภาคใต้ล่าสุด ข่าวด่วนภาคใต้
ข่าวกีฬาข่าวกีฬาวันนี้
ข่าวฟุตบอลข่าวกีฬาฟุตบอล ข่าวฟุตบอลทั้งหมด
ข่าวรถใหม่ข่าวรถยนต์ ราคารถใหม่ ข่าววงการรถ
ข่าวมือถือข่าวมือถือล่าสุด ราคามือถือ
ข่าววิทยาศาสตร์ข่าววิทยาศาสตร์ใหม่ น่ารู้
ข่าวไอทีอัพเดทข่าวไอที ข่าวไอทีวันนี้
ข่าวการศึกษาข่าวการศึกษาไทย ข่าวการศึกษาวันนี้
ข่าวอาเซียนข่าวอาเซียนวันนี้ ล่าสุด
ข่าวสุขภาพข่าวสุขภาพน่ารู้ สุขภาพวันนี้
ข่าวท่องเที่ยวข่าวท่องเที่ยวล่าสุด ข่าวท่องเที่ยวไทย
ข่าวหวยเลขเด็ดงวดนี้ ข่าวหวยดัง
ข่าว x-fileข่าวแปลกๆ เรื่องแปลกทั่วโลก เรื่องลึกลับ
ข่าวฮิตสังคมออนไลน์กระแสเรื่องฮิต จาก facebook twitter
คลิปข่าวคลิปข่าววันนี้ คลิปข่าวใหม่ คลิปข่าวล่าสุด
