ของใช้ 4 อย่าง ที่แพทย์แนะนำ ควรนำออกจากบ้านทันที หลายคนไม่รู้ เสี่ยงต่อสุขภาพ


          ของใช้ทั่วไป 4 อย่าง ที่แพทย์แนะนำ ควรกำจัดออกจากบ้านทันที หลายคนใช้กันเป็นปกติ ไม่เคยรู้ แฝงภัยเงียบต่อสุขภาพ ถ้าอยากมีอายุยืนยาวควรรู้

ของใช้ 4 อย่าง ที่หมอแนะควรเอาออกจากบ้าน

          ของใช้ทั่วไปในบ้านบางอย่าง อาจแฝงอันตรายไว้มากกว่าที่เราคิด และไม่นานมานี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีอายุขัยที่ยืนยาว ได้ออกมาเตือนผู้คนเกี่ยวกับของใช้ทั่วไปบางอย่างที่อยากให้กำจัดออกไปจากบ้านทันที โดยเตือนว่าของเหล่านี้อาจกำลังทำลายร่างกายของเราจากภายในอย่างเงียบ ๆ 
          
          จากรายงานของเว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ดร.เชน เคดดี้ จาก Valor Wellness ได้เผยผ่าน TikTok ว่า "หากคุณใส่ใจเรื่องฮอร์โมน การนอนหลับ และสุขภาพในระยะยาวของคุณ สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบมากกว่าที่คุณคิด" โดยพูดถึงของใช้ 4 อย่างที่ควรนำออกไปจากบ้าน

1. ถุงป๊อปคอร์นไมโครเวฟ

ของใช้ 4 อย่าง ที่หมอแนะควรเอาออกจากบ้าน
          
          สิ่งนี้ทำให้คนมากมายแปลกใจ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการกินมันฝรั่งทอด แต่ถุงป๊อปคอร์นเหล่านี้จริง ๆ แล้วเคลือบด้วยสารเคมีที่เรียกว่า PFAS
          
          PFAS เป็นที่รู้จักในฐานะ "สารเคมีตลอดกาล" เป็นสารเคมีที่มีความทนทานสูง ไม่สลายตัวไปเองตามธรรมชาติ และสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้หลายร้อย หรือแม้แต่หลายพันปี เมื่อถุงป๊อปคอร์นของคุณถูกนำไปอุ่นร้อน สารเคมีจะแทรกซึมเข้าไปในขนม และเข้าไปในร่างกายของคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
          
          ในการศึกษาหนึ่ง นักวิจัยพบว่าคนที่กินป๊อปคอร์นไมโครเวฟทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งปี มีระดับ PFAS สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 63% ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาผลกระทบระยะยาว แต่สารประกอบเหล่านี้ถูกเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย รวมถึงคอเลสเตอรอลสูง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน มะเร็งบางชนิด ภาวะมีบุตรยาก และความล่าช้าในการพัฒนาของเด็ก
          
          "แทนที่จะใช้ถุงป๊อปคอร์น คุณควรทำป๊อปคอร์นด้วยหม้ออบลมร้อน หรือตั้งเตาทำป๊อปคอร์นกับน้ำมันมะพร้าวและเกลือทะเล เหมือนที่รุ่นคุณยายทำกัน" เคดดี้ ระบุ 

2. เทียนหอม

ของใช้ 4 อย่าง ที่หมอแนะควรเอาออกจากบ้าน

          แม้คนส่วนใหญ่คิดว่ามันไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อคุณจุดมัน เทียนหอมจะปล่อยสารเคมีอย่าง เบนซีน และ ฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นพิษเมื่อสูดดมเข้าไปเป็นเวลานาน โดย เบนซีนเป็นสารก่อมะเร็ง ที่เชื่อมโยงกับโรคอย่างลูคีเมียและมะเร็งเม็ดเลือดอื่น ๆ เมื่อสูดเข้าไป ยังจะสร้างความระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจได้

          ฟอร์มัลดีไฮด์ ก็ไม่ดีไปกว่ากัน การสัมผัสสารระดับสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา จมูก และลำคอ อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งบางชนิดด้วย
          
          การศึกษาแสดงให้เห็นว่า การจุดเทียนหอมส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ไม่ดีนัก งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าต่อให้ยังไม่ได้จุด เทียนเหล่านี้ก็ยังอาจปล่อยสารพิษออกมาได้อยู่ดี
          
          แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า การสัมผัสในระดับต่ำจะเป็นอันตรายจนควรหลีกเลี่ยงเทียนหอมไปเลยหรือไม่ แต่เคดดี้ชี้ว่า ควรระมัดระวังและเลิกใช้ไปเลยจะดีกว่า

3. น้ำหอมปรับอากาศ

ของใช้ 4 อย่าง ที่หมอแนะควรเอาออกจากบ้าน

          ไม่ว่าจะเป็นแบบเสียบปลั๊ก สเปรย์กระป๋อง หรือที่ปรับอากาศในรถ สิ่งเหล่านี้ล้วนปล่อยสารเคมีสังเคราะห์ออกมา ซึ่งสารบางอย่างถูกแบนในประเทศอื่น ๆ เช่น Lilial สารความหอมสังเคราะห์ ซึ่งถูกแบนในสหภาพยุโรป เนื่องจากเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ แต่ยังมีการใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ
          
          ตัวร้ายอีกอย่างคือ สารหอมสังเคราะห์ HICC ที่ถูกห้ามในยุโรป เพราะอาจจะทำให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนัง แต่ยังคงเจอสารชนิดนี้ได้ในน้ำหอมปรับอากาศที่สหรัฐฯ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ 
          
          แม้จะเป็นปริมาณเล็ก ๆ แต่สารเคมีเหล่านี้ก็ถูกเชื่อมโยงเข้ากับอาการไมเกรน หอบหืดกำเริบ ปัญหาด้านการหายใจ ระคายเคืองผิวหนัง และปัญหาระบบประสาท

4. หลอดไฟในเวลากลางคืน

ของใช้ 4 อย่าง ที่หมอแนะควรเอาออกจากบ้าน

          สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับสารพิษ แต่เป็นเรื่องของนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย ซึ่งเป็นวงจร 24 ชั่วโมง ที่ควบคุมรูปแบบการหลับ-ตื่น การปล่อยฮอร์โมน และอุณหภูมิร่างกาย มันอาจถูกรบกวนได้ง่าย ๆ จากของใช้อย่างโคมไฟ
          
          หลอด LED โทนเย็น จะบอกสมองคุณว่าเป็นเวลากลางวัน ซึ่งจะไปยับยั้งสารเมลาโทนิน และในงานวิจัยหนึ่ง นักวิจัยให้ผู้เข้าร่วมสัมผัสแสงสีฟ้า 6.5 ชั่วโมง เทียบกับแสงเขียวที่มีความสว่างเท่ากัน พบว่าแสงสีฟ้ายับยั้งเมลาโทนินได้มากเป็น 2 เท่า และรบกวนจังหวะชีวภาพมากเป็น 2 เท่าเช่นกัน
          
          ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึกง่วง การสัมผัสแสงสีน้ำเงินเรื้อรังกำลังถูกศึกษาถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ปัญหาหัวใจ โรคอ้วน และมะเร็งบางชนิด โดยแพทย์แนะนำให้ใช้หลอดไฟโทนอุ่นในเวลากลางคืนแทน

ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
ของใช้ 4 อย่าง ที่แพทย์แนะนำ ควรนำออกจากบ้านทันที หลายคนไม่รู้ เสี่ยงต่อสุขภาพ โพสต์เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 18:58:04 10,605 อ่าน แสดงความคิดเห็น