ดราม่า ดาราสาวฮุบบริษัท อดีต ผจก. ลั่นถูกหลอกให้ขายหุ้น แฉมีสัญญาห้ามพูด !?


          อดีตผู้จัดการ ออมสุชาร์ เปิดใจดราม่า ดาราสาวฮุบบริษัท รับถูกหลอกให้ขายหุ้น ซ้ำโดนปิดปากห้ามเปิดเผยหรือพูดกับหุ้นส่วน

อดีต ผจก. ออมสุชาร์ ชี้ถูกหลอกให้ขายหุ้น สั่งห้ามพูด
ภาพจาก โหนกระแส

          จากประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ กรณี ดาราสาว ฮุบบริษัท พบว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องการบริหาร และการถือหุ้นในบริษัทเครื่องสำอางที่ ดาราสาว กับ หุ้นส่วน ร่วมกันก่อตั้ง ต่อมามีการเปลี่ยนข้อตกลงภายในบริษัท จนฝ่ายหนึ่งมองว่าอีกฝ่ายคล้ายจะฮุบบริษัทหรือไม่ เบื้องต้นมีการประเมินความเสียหายมูลค่าหลายร้อยล้านบาททีเดียว

          วันที่ 18 กันยายน 2568 ในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 มีการเปิดใจ พริม ณัฐชา หุ้นส่วนบริษัทเครื่องสำอาง และ ศสา อดีตผู้จัดการ ออม สุชาร์ โดย ศสา เผยว่า ตนเองรู้จักกับพริมมานาน ช่วงโควิด ได้มาพูดคุยกันเรื่องทำแบรนด์เครื่องสำอาง โดยเธอเสนอไปว่ามีนักแสดงคนหนึ่งที่ตนเองเป็นผู้จัดการอยู่ อยากจะให้เรา 3 คนมาทำร่วมกัน

          พริม ณัฐชา ยอมรับว่า ในตอนแรกไม่มีความคิดอยากจะทำธุรกิจกับดารา แต่หลังจากมีการพูดคุยกับทางดารา ก็ตกลงว่าจะทำ 

          ศสา เผยว่า พริม ณัฐชา มีการขอมาว่าจะต้องมีหุ้นใหญ่กว่าอีกนักแสดง แต่ตัวนักแสดงก็แจ้งกับเธอ ถ้าจะทำก็ต้องเป็นหุ้นใหญ่เหมือนกัน แต่ทางฝ่ายพริมนั้นแจ้งมาชัดเจนตั้งแต่แรก จนทางนักแสดงยินยอมที่จะมีหุ้นน้อยกว่า 

อดีต ผจก. ออมสุชาร์ ชี้ถูกหลอกให้ขายหุ้น สั่งห้ามพูด
ภาพจาก โหนกระแส

          ขณะที่ พริม ณัฐชา กล่าวเสริมว่า เป็นการคุยกันตอนแรก ตกลงกันทางวาจา พอธุรกิจดำเนินไป กลายเป็นสัดส่วน 48/48/4 เพราะทางนักแสดงมาขอต่อรองขอหุ้นเท่ากันกับตน ซึ่งกระบวนการเตรียมการก่อนจะเปิดแบรนด์เกือบทั้งปีคือตนเองทำเป็นหลัก แต่พอเปิดแบรนด์มา ทางนักแสดงเรียกตนไปคุยแจ้งว่าจะขอไม่เซ็น เขาไม่เคยเซ็นสัญญากับใคร รู้สึกไม่สบายใจ เขาอยากมีความเป็นเจ้าของ ต้องการได้หุ้นสัดส่วนเท่ากัน ในมุมของตนมันเซตแบรนด์ไปแล้ว ถ่ายงานไปแล้ว สต็อกของไปแล้ว ตนเองเป็นคนออกทั้งหมด

          ชื่อแบรนด์ (ฟรีน บิวตี้) ช่วยกันคิด แต่ตนเป็นคนเคาะ เป็นคนหาโรงงาน ส่วนลิขสิทธิ์ทางปัญญาในชื่อแบรนด์ ตนมอบอำนาจให้อีกฝ่ายไปจด แต่ตนเองก็ต้องเซ็นด้วย ส่วนอื่น ๆ ที่ตนเองดำเนินการ เช่น ช่องทางการขาย เปิดร้าน เอาวิธีการ เอาคอนเนคชั่นทั้งหมดใส่ลงไปในแบรนด์นี้

อดีต ผจก. ออมสุชาร์ ชี้ถูกหลอกให้ขายหุ้น สั่งห้ามพูด
ภาพจาก โหนกระแส

          ศสา เผยว่า เดิมทีตนจะถือหุ้นสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ระหว่างนั้นทั้ง พริม ณัฐชา และนักแสดง แจ้งว่าจะเพิ่มทุนเรื่อย ๆ คนละ 10-20 ล้าน ทำให้ตนเองลงเพิ่มต่อไม่ไหว จึงจำใจที่จะลดสัดส่วนหุ้นลงมา แต่มาทราบภายหลังว่าจริง ๆ แล้วไม่ได้มีการใช้ทุนเยอะขนาดนั้น

          พริม ณัฐชา ยอมรับว่า ในตอนแรกที่ดาราไม่ยอมเซ็นรับสัดส่วนตามที่ตกลง ตนถึงกับร้องไห้ เพราะมันไม่เหมือนสิ่งที่เคยคุยกันไว้ตลอด 1 ปี ในวันนั้นตนคุยกับออมว่า ถ้าวันหนึ่งตนไปทำธุรกิจอื่นออมจะโอเคไหม ออมบอกว่าไม่ได้ติดใจ เพราะคนเราไม่จำเป็นต้องมีธุรกิจเดียว พอหลังจากนั้นมาตนจึงโทร. ไปตกลงยอมรับสัดส่วนแบบนั้น (48/48/4) 

          ประเด็นที่ พริม ณัฐชา เคยทำแบรนด์เครื่องสำอางอีกเจ้า ยืนยันว่า ออมรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าตนเองมีอีกแบรนด์อยู่ แต่พอมาทำด้วยกัน ตนก็ไม่ได้ทำแบรนด์แรก ส่วนประเด็นที่ถูกกล่าวหาในภายหลังว่าทำการค้าแข่งกับแบรนด์ของออม ก็ดูจะกล่าวหาเกินไป ใครจะไปก๊อปปี้แบรนด์ของตัวเอง มันเป็นคนละจุดขาย คนละกลุ่มลูกค้า และอีกอย่างทุกอย่างในแบรนด์มันก็มาจากตนทั้งหมดตั้งแต่แรก


อดีต ผจก. ออมสุชาร์ ชี้ถูกหลอกให้ขายหุ้น สั่งห้ามพูด
ภาพจาก โหนกระแส

          ศสา เปิดใจสาเหตุสำคัญที่ยอมขายหุ้น 4 เปอร์เซ็นต์ให้ออม ทำให้ออมถือหุ้นใหญ่ เริ่มจากเดือนมกราคม ที่ผ่านมา น้องระบายว่ามีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับบริษัท อ้างว่าจับได้ว่า พริม ณัฐชา ใช้หัวกระดาษของอีกแบรนด์ ไปเช็กส่วนประกอบในการทำสินค้า แต่ในมุมตนก็อยากให้มาคุยกัน เพราะมองว่า พริม คงไม่ต้องการจะทำให้แบรนด์ที่ทำด้วยกันพังเช่นกัน 

           ช่วงระหว่างนั้นคุยกันครั้งละหลายชั่วโมงเกี่ยวกับความไม่สบายใจของน้องนักแสดง แต่น้องจะขอว่าห้ามโทร. ไปคุยกับพริม โดยกล่าวหาว่า พริม ไม่เก่ง บริหารผิดพลาด และจะทำให้แบรนด์พัง พริมกับสามีใช้เงินบริษัทในทางมิชอบ จำเป็นจะต้องเปลี่ยน มีสมาชิกในครอบครัวของดาราหว่านล้อมกันหลายคนให้ ศสา ขายหุ้น ในราคา 1 ล้านบาท ตอนนั้นตนจึงขอว่าจะดูผลประกอบการณ์บริษัทก่อนได้ไหม เพราะไม่เคยรับทราบเลยว่าแต่ละเดือนขายได้เท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายอ้างว่าไม่รู้เหมือนกัน

           พริม ณัฐชา กล่าวเสริมว่า เป็นไปไม่ได้ที่ดาราจะไม่รู้รายได้ของบริษัท เพราะสมุดบัญชี ตราประทับของบริษัท อยู่ที่บ้านของดาราทั้งหมด แม้ตนเองจะเป็นคนทำธุรกรรม แต่จะบันทึกลงในกูเกิลไดร์ฟทุกอัน มีหลักฐานว่าฝ่ายเขาเข้าถึงไดรฟ์ได้ทุกคน

           ศสา ยอมรับว่า พอได้ยินดาราบอกว่าไม่รู้รายได้ ต้องไปเช็กเอาเองในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ส่วนพริมดูแลบัญชีอยู่ทั้งหมด ตอนนั้นก็มองว่าทำไมพริมทำแบบนี้ 

           หนุ่ม กรรชัย ถาม ศสา แสดงว่าคุณโดน (ออม) ปั่น ?

           ศสา ก็ต้องบอกว่าเป็นแบบนั้นเลย ชัดเจน แต่ก่อนจะมาขอซื้อหุ้นไป ช่วยไปตีราคาของบริษัทก่อน ส่วนประเด็นว่าขายหุ้นให้ออมโดยชอบหรือไม่ พอมาถึงวันนี้ต้องบอกว่ามันไม่ใช่การขายโดยชอบ เพราะถูกปกปิดข้อมูลความจริง ตอนแรกอ้างว่าบริษัทมีเงิน 6 ล้าน มีค้างจ่ายอีกเยอะ เหลืออยู่ในบัญชีประมาณ 3 ล้าน (พริม กล่าวเสริมว่า แค่ยอดขายเดือนมกราคม ก็เป็นเงินกว่า 10 ล้าน) 

           ในตอนที่ตกลงขายหุ้น เพราะคิดว่า พริม ณัฐชา เป็นคนผิด จากที่ได้ฟังจากออมมาเยอะ แล้วอยากให้น้องได้บริษัทไปบริหาร และที่ต้องยอมขายเลยคือเข้าใจว่าบริษัทขาดทุน จะพังแล้ว จะเจ๊งแล้ว ตอนนั้นจึงขายดีกว่า เพราะเข้าใจว่ามันเสี่ยงมาก เราไม่สามารถแบกรับได้ ในวันที่ขายมีการเซ็นสัญญารักษาความลับ ให้เก็บเรื่องการขายหุ้นเป็นความลับ หากละเมิดจะต้องจ่ายค่าเสียหาย 5 แสนบาท

อดีต ผจก. ออมสุชาร์ ชี้ถูกหลอกให้ขายหุ้น สั่งห้ามพูด
ภาพจาก โหนกระแส

           หนุ่ม กรรชัย ระบุว่า ที่พูดจาตะกุกตะกักมาทั้งรายการ เพราะไปทำสัญญากับเขาเรื่องการห้ามเผยแพร่ความลับเรื่องการโอนหุ้นเนี่ยนะ คุณไม่ต้องกลัวเลย เพราะมันไม่ใช่ความลับนะ

           ด้าน ดร.ตฤณห์ นักอาชญวิทยา สรุปว่า เท่าที่ฟังมา ฝั่งนักแสดงจะเลือกเก็บหลักฐานเฉพาะสิ่งที่เป็นคุณกับฝั่งเขา อีกอย่างเรื่องธุรกิจ กฎหมายเรื่องหนึ่ง ศีลธรรมอีกเรื่อง การซื้อหุ้นทำได้ตามกฎหมาย แต่ในทางศีลธรรม คุณทำธุรกิจด้วยกัน ไปทำลับหลังกันคือการแอบทำ ผมใช้คำว่าแอบเพราะเขาไม่ให้ (ศสา) พูด ถูกกฎหมาย แต่ ผิดศีลธรรม แต่ส่วนใหญ่การทำธุรกิจ คนไม่มีศีลธรรมก็เยอะ เพราะมุ่งหวังกำไรอย่างเดียว



คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
ดราม่า ดาราสาวฮุบบริษัท อดีต ผจก. ลั่นถูกหลอกให้ขายหุ้น แฉมีสัญญาห้ามพูด !? โพสต์เมื่อ 18 กันยายน 2568 เวลา 15:56:05 แสดงความคิดเห็น