หญิงจีนโวย ไปซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากโรงแรมที่มัลดีฟส์ กลับถูกทิ้งให้ลอยคอกลางทะเล 45 นาที จนแทบหมดแรง รอดมาได้เพราะไม้เซลฟี่ ร้องเรียนไปแต่ไร้คืบหน้า

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy
วันที่ 16 กันยายน 2568 เว็บไซต์ Hk01 รายงานกรณีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน
ที่ถูกทิ้งไว้กลางทะเลระหว่างไปทริปดำน้ำที่ประเทศมัลดีฟส์
ต้องลอยคออยู่นานถึง 45 นาที ว่ก่อนจะโชคดีมีเรือประมงผ่านมาช่วยไว้ได้
นำมาสู่การร้องเรียนพร้อมเปิดโปงการจัดการซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหายนะ
ของผู้ให้บริการดังกล่าว
รายงานเผยว่า ซูม่าน (นามสมมติ) ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำน้ำถึง 9 ปี และเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นนักดำน้ำกู้ชีพ ได้ยื่นร้องเรียนต่อสมาคมผู้ฝึกสอนดำน้ำมืออาชีพนานาชาติ (PADI) กับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ หลังจากเมื่อครึ่งเดือนก่อนต้องพบประสบการณ์สุดสะพรึง จากการใช้บริการทัวร์ดำน้ำของโรงแรมที่เข้าพัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใด ๆ
ซูม่าน เล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา เธอกับเพื่อนผู้หญิงชื่อ จางลี่ (นามสมมติ) เข้าร่วมกิจกรรมดำน้ำที่โรงแรมจัดให้ โดยมีครูฝึกดำน้ำมาคอยประกบดูแล ขณะที่บนเรือมีสต๊าฟอยู่ 2 คน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มต้นก็มีปัญหาแล้ว เนื่องจากอุปกรณ์ดำน้ำของเพื่อนเธอมีปัญหา ท่อออกซิเจนหลักใช้ไม่ได้ แต่ครูฝึกก็ไม่ยอมเปลี่ยนถังอากาศใหม่ ให้นักท่องเที่ยวลงน้ำทั้ง ๆ แบบนั้น
ระหว่างการดำน้ำ จางลี่อยู่กับครูฝึกดำน้ำในระดับความลึกเหนือ 5 เมตร ส่วนซูม่านดำน้ำลึกลงไปคนเดียวที่ระดับต่ำกว่า 10 เมตร โดยเธอยังสามารถมองเห็นเพื่อนกับครูฝึกดำน้ำได้ตลอด และมั่นใจว่าตัวเองอยู่ในสายตาของครูฝึกดำน้ำ
หลังจากดำน้ำลึกเสร็จ เธอปรับตัวกับความดันน้ำที่ระดับ 5 เมตรตามกฎ แต่พบว่าครูฝึกสอนไม่ได้เปิดทุ่นลอยน้ำเพื่อไกด์ตำแหน่งให้เรือตามที่ควรจะเป็น และตอนที่เธอลอยขึ้นมาบนผิวน้ำก็พบว่าเรืออยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรแล้ว ตอนนั้นครูฝึกดำน้ำพยายามโบกแขนส่งสัญญาณไปยังเรือ แต่ก็ไม่มีผล กระแสน้ำพัดพาทั้ง 3 คนให้ลอยออกไปจากตำแหน่งเดิม
สถานการณ์แย่ลงเมื่อทุ่นลอยที่ครูฝึกดำน้ำพยายามใช้กลับรั่ว ไม่สามารถทรงตัวอยู่บนผิวน้ำได้ ซูม่านเสนอให้ใช้ไม้เซลฟี่ผูกกับทุ่นลอยเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถูกครูฝึกดำน้ำปฏิเสธ
"ไม่รู้ว่าเขามั่นใจมาจากไหน บอกว่าไม่จำเป็น" ซูม่าน เล่าด้วยความหงุดหงิด

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy
45 นาทีแห่งความหวาดกลัว
เมื่อคลื่นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เรี่ยวแรงของทั้ง 3 คนลดลงอย่างรวดเร็ว จางลี่ซึ่งไม่ค่อยมีประสบการณ์ดำน้ำ เริ่มหมดแรงจนเกือบควบคุมร่างกายไม่ได้ จึงกอดครูฝึกสอนแน่นๆ ไม่ปล่อย
"ในช่วงครึ่งหลังของการลอยคอ ฉันมั่นใจว่าทั้ง 3 คนจะจมน้ำ" ซูม่านเล่า และเสริมว่า "สุดท้ายครูฝึกก็ยอมใช้วิธีของฉัน นำทุ่นลอยมาผูกกับไม้เซลฟี่ โบกไปมาในอากาศ เพื่อดึงดูดความสนใจจากเรือประมงที่อยู่มใกล้ ๆ"
ในที่สุดก็มีเรือประมงที่ผ่านมาเข้ามาช่วยทั้ง 3 คนไว้ได้ โดยตอนที่พวกเธอได้รับการช่วยเหลือ เรือของโรงแรมก็หายลับไปจากสายตาแล้ว ไม่มาตามหาใด ๆ
ความไม่เป็นมืออาชีพของทีมงาน
ซูม่าน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สต๊าฟทั้ง 2 คนของเรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ดี เกือบโยนจางลี่ลงทะเล ทำให้หน้าจางลี่กระแทกน้ำ แม้ครูฝึกจะพยายามห้ามปรามหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้แนะนำข้อปฏิบัติให้ชัดเจน
"ที่ช็อกมากที่สุดคือ เรือไม่ทำตามมาตรฐานในการรอนักท่องเที่ยว และไม่ทำการค้นหาหรือกู้ภัยเมื่อเราไม่โผล่ขึ้นมาตามเวลา จากเวลาที่ลงน้ำจนได้รับการช่วยเหลือเป็นเวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง แต่เรือยังไม่เจอเรา"
เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเลวร้ายที่สุด
ซูม่านเล่าว่าเธอได้ปิดอุปกรณ์บันทึกวิดีโอไปช่วงหนึ่ง เพราะต้องการเก็บแบตเตอรี่ไว้ หากเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด จะได้ถ่าย "ภาพสุดท้าย" ของทั้ง 2 คนไว้เป็นหลักฐานในการสืบสวน
"ฉันเป็นห่วงว่าพวกเราสองคนเป็นชาวต่างชาติ หากเกิดเหตุขึ้น จะไม่มีใครสืบสวนอย่างจริงจัง" เธอกล่าวด้วยความกังวล
การจัดการที่ไม่น่าพอใจหลังเหตุการณ์
หลังได้รับการช่วยเหลือ ซูม่านร้องเรียนต่อผู้จัดการโรงแรม แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ ครูฝึกดำน้ำกลับมาแก้ต่างให้โรงแรม อ้างว่าการที่นักท่องเที่ยวถูกลืม "เป็นเรื่องธรรมดา" และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจึงไม่ถือเป็นอุบัติเหตุ
ผู้จัดการโรงแรมสัญญาว่าจะให้แนวทางแก้ไขภายในเย็นวันนั้น แต่สุดท้ายเพียงลดค่าใช้จ่าย 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 630 บาท) ให้ซูม่าน ส่วนจางลี่ต้องจ่ายเต็มจำนวน
ซูม่านเปิดเผยอีกว่า ครูฝึกดำน้ำพยายามติดต่อหาเธอเป้นการส่วนตัวหลายครั้ง เพราะกลัวว่าจะตกงานจากเหตุการณ์นี้ แถมยังมาคอยเฝ้าพวกเธอที่เคาน์เตอร์โรงแรม เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเธอจะจ่ายเงินด้วย แต่ขณะนั้นเนื่องจากพวกเธออยู่บนเกาะเล็ก ๆ อันห่างไกล เกรงว่าจะมีปัญหากับโรงแรม จึงทำได้แค่อดทนอดกลั้นไว้
การตอบสนองของสาธารณะ
หลังกลับประเทศ ซูม่านนำวิดีโอที่บอดี้แคมบันทึกไว้มาเผยแพร่บนสังคมออนไลน์ ทำให้ชาวเน็ตพากันแห่ไปให้คะแนนรีวิวแย่ ๆ กับทางโรงแรม จนโรงแรมดังกล่าวถูกถอดชื่อออกจากเว็บจองโรงแรมชั่วคราว แต่ไม่กี่วันต่อมาโรงแรมก็เปลี่ยนชื่อและกลับมาเปิดรับจองห้องพักอีกครั้ง ซึ่งซูม่านเป็นห่วงว่าหากโรงแรมไม่ให้ความสำคัญกับปัญหานี้ อาจทำให้มีนักท่องเที่ยวรายอื่น ๆ เผชิญความเสี่ยงแบบเดียวกัน

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy

ภาพจาก Douyin 肉肉欣ivy