ศาลญี่ปุ่นสั่งบริษัทชดเชย 32 ล้าน ปมสลด ประธานด่าหยาบพนักงานสาวจนจิตตก ซึมเศร้า จบชีวิตในวัย 25 ปี ล่าสุดประธานลาออกแล้ว

วันที่ 11 กันยายน 2568 สำนักข่าวเอ็นเอชเค รายงานว่า ศาลญี่ปุ่นมีคำตัดสินกรณีที่ครอบครัวของพนักงานหญิงรายหนึ่ง ยื่นฟ้องเรียกเงินชดเชยจากบริษัทเครื่องสำอาง D-UP รวมถึงประธานบริษัท หลังจากที่พนักงานหญิงรายดังกล่าว ถูกประธานบริษัทด่าหยาบ ใช้คำพูดรุนแรงดูหมิ่น กระทั่งตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยวัยเพียง 25 ปี
โดยศาลแขวงโตเกียว ระบุว่า ทางบริษัทควรยอมรับว่าการใช้อำนาจคุกคามโดยฝีมือของประธานบริษัท เป็นสาเหตุที่นำไปสู่การจบชีวิตของพนักงานหญิง และต้องขอโทษพร้อมจ่ายเงินชดเชย 150 ล้านเยน (ราว 32 ล้านบาท) แก่ครอบครัวของผู้ล่วงลับ รวมถึงชี้ว่าประธานบริษัทรายนี้ควรลาออกด้วย
นับว่าหาได้ยากที่คำตัดสินของศาลจะระบุรวมไปถึงการให้ประธานบริษัทลาออก ขณะที่ทนายความจากครอบครัวของเหยื่อ ระบุว่า ซาโตมิ (สงวนนามสกุล) เริ่มทำงานที่บริษัทเครื่องสำอาง D-UP ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว เมื่อเดือนเมษายน 2564 แต่มักจะถูกผู้บริหารระดับสูงใช้คำพูดคุกคามและกลั่นแกล้งอยู่เสมอ จนทำให้สุขภาพจิตของเธอย่ำแย่ลง
กระทั่งเดือนธันวาคม 2564 ซาโตมิถูกเรียกให้มาพบ ซาไก มิซึรุ ประธานบริษัท เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างเธอกับหัวหน้าสายตรง แต่การประชุมครั้งนั้นกลับเป็นจุดเปลี่ยน ปรากฏว่าประธานบริษัทใช้คำพูดรุนแรงคุกคามเธอเป็นเวลาเกือบ 50 นาที ทั้งเปรียบเทียบเธอเป็นสุนัขจรจัดของสังคม บอกให้เธอเลิกดูถูกผู้ใหญ่ ไล่ให้กลับบ้าน ซึ่งส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจของเธออย่างรุนแรง
หลังถูกประธานบริษัทตำหนิในช่วงเวลาอันยาวนาน ซาโตมิได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าในเดือนถัดมา และขอพักงานไป จากนั้นเธอพยายามจบชีวิตตัวเองในเดือนสิงหาคม 2565 และหมดหมดสติไป ก่อนจะเสียชีวิตในเดือนตุลาคม 2566 ด้วยอายุเพียง 25 ปี
ในเดือนกรกฎาคม 2566 พ่อแม่ของเธอยื่นฟ้องคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทและประธานบริษัท ศาลดำเนินการผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ย กระทั่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ศาลแขวงโตเกียวจึงเผยผลการตัดสินข้างต้น ทั้งเรื่องการให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัว รวมถึงให้ประธานบริษัทลาออก ซึ่งคำตัดสินนี้เป็นที่สิ้นสุดเนื่องจากไม่มีการคัดค้านจากทั้ง 2 ฝ่าย
น้องสาวของซาโตมิ ระบุว่า เธออยากให้ประธานบริษัทขอโทษตอนที่ซาโตมิยังมีชีวิตอยู่ ซาโตมิเป็นคนขยันทำงานหนัก และอุทิศตนให้กับสิ่งที่ตนให้ความสนใจ เธอหวังว่าจะได้เห็นสังคมที่ผู้คนซึ่งพยายามทำงานหนัก จะไม่ต้องถูกบดขยี้ แต่ได้รับการปกป้องแทน
ต่อทางบริษัท D-UP ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ โดยแสดงความขอโทษอย่างจริงใจต่อพนักงานผู้ล่วงลับและครอบครัวของเธอ พร้อมระบุว่า ซาไก มิซึรุ ประธานบริษัท ได้ลาออกแล้วในวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา
บริษัทระบุว่า จะดำเนินมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ซึ่งรวมถึงการทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับการป้องกันการคุกคาม รวมถึงการจัดอบรมผู้บริหารและพนักงาน และจัดตั้งสายด่วนที่ปรึกษาจากภายนอก
ขอบคุณข้อมูลจาก NHK