
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
วันที่ 14 สิงหาคม 2568 เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางสาวชุติมณฑน์และนางสาวอมรรัตน์ กระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตน เป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร, ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน โดยจับกุมได้ที่ บ้านพักในพื้นที่ ซอย 6/14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน 2561 ซึ่งบริษัทกลุ่มผู้ต้องหา ใช้บัญชีเงินฝากบุคคลและบริษัทอื่นมาเป็นหลักประกันกู้เงินแบบเบิกเกินบัญชีจากธนาคารเอกชน เป็นมูลค่า 155 ล้านบาท พร้อมปลอมลายมือชื่อกรรมการบริษัทอื่นประกอบการค้ำประกัน
กลุ่มผู้ต้องหาได้ทยอยเบิกถอนและโอนเงินเข้าบัญชีเครือข่ายผู้กระทำผิด ทั้งสิ้น 14 ราย ก่อนเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดหรือโอนต่อให้บุคคลอื่นในขบวนการ เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงิน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกลุ่มนี้แล้วส่วนหนึ่ง เหลือ นางสาวชุติมณฑน์ และ นางสาวอมรรัตน์ ที่ยังคงหลบหนีหมายจับของศาลอยู่ โดยตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า หลังจากที่ธนาคารได้อนุมัติวงเงินเบิกเงินเกินบัญชีแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้แก่ นางสาวสิริภาส์, นางสาวชุติมณฑน์, นายภูริพัฒน์ และนางสาวอมรรัตน์ มีการสั่งจ่ายเช็ค, ทำรายการโอนเงินและทำรายการถอนเงินสดจากหลายบัญชีธนาคารและหลายครั้งวนกันไปในบัญชีกลุ่มผู้ต้องหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถติดตามจับกุม นางสาวชุติมณฑน์และนางสาวอมรรัตน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงและฟอกเงินรายใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการปลอมเอกสารและหลอกลวงสถาบันการเงิน จนธนาคารหลายแห่งเสียหายรวมมูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท การติดตามคดีนี้ใช้เวลานานกว่า 7 ปี จนในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนเข้าทำการปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเป็นการปิดฉากหนึ่งในคดีทุจริตทางการเงินที่ซับซ้อนและสร้างความเสียหายสูงที่สุดคดีหนึ่งของประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง