
ภาพจาก 3PlusNews
เป็นอีกหนึ่งคดีที่สังคมจับตามอง สำหรับคดีของ "น้องชมพู่" ที่ล่าสุด (13 สิงหาคม 2568) ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำพิพากษา ตัดสินให้ นายไชยพล วิภา หรือ "ลุงพล" ต้องโทษจำคุกทั้งหมด 26 ปี จากเดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 20 ปีโดยความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เปลี่ยนเป็น "เจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล" และยังมีความผิดฐาน "อำพรางซ่อนเร้นศพ" เพิ่มเติมอีกด้วย
ล่าสุด ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเฟซบุ๊ก วิเคราะห์สาเหตุที่ศาลเปลี่ยนข้อหา "ลุงพล" จากประมาท เป็นเจตนาฆ่า โดยระบุว่า "เจตนาฆ่า คือ เอาชมพู่ไปปล่อยบนเขาให้ตายเอง ศาลมองแบบนี้ คือ โหดมากเลย"

ภาพจาก 3PlusNews
ขณะที่ทางเฟซบุ๊ก ทนายคู่ใจ ของ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้โพสต์สรุปเกี่ยวกับคดี ลุงพล - น้องชมพู่ เพิ่มเติมดังนี้
"ประเด็นสำคัญ : จาก "ประมาท" เป็น "ฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผล"
- ตรงนี้คือหัวใจของคดี ศาลอุทธรณ์มองว่าการกระทำของลุงพลไม่ใช่แค่ขาดความระมัดระวัง แต่เป็นการยอมรับความเสี่ยงที่รู้ว่าผลจะทำให้ถึงแก่ความตาย เช่น การพาเด็กไปในพื้นที่อันตรายโดยไม่มีการป้องกัน และปล่อยให้เกิดเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิต
มาตรา 288 บัญญัติชัดว่าโทษของการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาคือ จำคุก 15–20 ปี, จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต แตกต่างจากมาตรา 291 ที่เป็นเพียงโทษประมาท
ข้อหาใหม่ : อำพรางศพ
- ศาลอุทธรณ์ยังเพิ่มข้อหา "อำพรางซ่อนเร้นศพ" ตามมาตรา 199 เพราะหลังเกิดเหตุ มีการกระทำที่เข้าข่ายทำลายหรือปิดบังพยานหลักฐาน เพื่อไม่ให้ตรวจหาสาเหตุการตายได้โดยง่าย
เหตุผลที่ป้าแต๋นยังยกฟ้อง
- แม้จะถูกตั้งข้อหา แต่ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่าป้าแต๋นมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ จึงยกฟ้องเช่นเดิม
ผลทางคดีและสิทธิของจำเลย
- คำพิพากษานี้ ยังไม่ถึงที่สุด ลุงพลสามารถยื่นฎีกาได้
- การขอประกันระหว่างฎีกา ศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์ ความร้ายแรงของข้อหา และโทษจำคุกที่สูงขึ้น
- หากฎีกาไม่เปลี่ยนแปลง ลุงพลจะต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์"
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันที่ 13 สิงหาคม 2568 มีรายงานว่า ลุงพล ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำแล้ว หลังยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยทางศาลจังหวัดมุกดาหารพิจารณาแล้วเห็นควรส่งศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งตามขั้นตอนปกติศาลจะใช้ระยะเวลาพิจารณาประมาณ 1-3 วัน
เมื่อถึงเวลาทำการเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวจำเลยไปคุมขังยังเรือนจำระหว่างรอคำพิพากษาศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามขั้นตอนปกติศาลฎีกาจะใช้ระยะเวลาพิจารณามีคำพิพากษาออกมาประมาณ 1-3 วัน



ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนายรัชพล ศิริสาคร



ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนายคู่ใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้