เศรษฐินีอยู่บ้านหรู มีเงินใช้เกือบสิบล้าน ผ่านไป 6 ปีผลาญเกลี้ยง เหลืออยู่แค่บ้านกับเงินหยิบมือ เผยต้นตอปัญหา ยังไม่กล้าบอกให้ลูกรู้

สำหรับผู้คนมากมาย การได้มีเงินล้านใช้ในวัยเกษียณคงเป็นเหมือนความฝันที่ยากจะเกิดขึ้นจริง แต่มันเกิดขึ้นจริงกับหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 77 ปี ที่เป็นเจ้าของบ้านหรูในกรุงโตเกียว แถมยังมีเงินมรดกอีกหลายล้านให้ใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม แม้ชีวิตของเธอดูเหมือนจะสุขสบายดีในสายตาคนนอก แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น หลังจากที่เธอผลาญมรดกมหาศาลภายในเวลาเพียง 6 ปี จนตอนนี้เหลือแค่ตัวกับบ้านที่ซุกหัวนอน
จากรายงานของเว็บไซต์ CTWANT เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 เผยเรื่องราวของ นาง N หญิงวัย 77 ปี ที่เมื่อ 6 ปีก่อนได้รับมรดกมูลค่าราว 130 ล้านเยน (ราว 28 ล้านบาท) จากสามีผู้ล่วงลับ ประกอบไปด้วยบ้านหรูและเงินสด นอกจากนี้เธอยังได้รับบำนาญอีกเดือนละ 170,000 เยน (ราว 37,000 บาท) แต่เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตติดหรูประกอบกับการลงทุนล้มเหลว ทำให้ปัจจุบันเธอเหลือเงินติดตัวเพียงไม่กี่ล้านเยน หรือไม่ถึง 1 ล้านบาท ทำให้การใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะที่ยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ผู้มีอันจะกินไว้
ปรากฏว่าสามีของนาง N เป็นอดีตผู้บริหารอาวุโสของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ครั้งหนึ่งเคยมีรายได้ถึงปีละ 32 ล้านเยน (ราว 6.9 ล้านบาท) และมีเงินบำนาญอีกหลายล้าน ในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ คู่สามีภรรยาสร้างคฤหาสน์หรูไว้บนที่ดินของตัวเองในเขตเมงุโระ ของกรุงโตเกียว ก่อนจะใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายอยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตาม เป็นเวลาหลายปีที่ทั้งคู่ใช้จ่ายเงินมือเติบจนเคยชิน จนนิสัยการใช้เงินเช่นนั้นกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาในเวลาต่อมา
หลังสามีเสียชีวิต เดิมนาง N ควรได้รับมรดกทั้งหมด แต่เนื่องจากคู่สมรสของลูก ๆ ไม่ยินยอม สุดท้ายเธอจึงได้รับส่วนแบ่งมรดกเพียงบ้านหรูที่อาศัยอยู่ พร้อมเงินสดประมาณ 40 ล้านเยน (ราว 8.7 ล้านบาท) แต่เพราะไลฟ์สไตล์แบบติดหรู ทำให้เธอผลาญเงินที่ได้รับมาไปอย่างรวดเร็ว นาง N ไม่เพียงแค่จัดงานเลี้ยงฉลองให้หลาน ๆ ในร้านอาหารระดับไฮเอน เธอยังมักจะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมในห้าง แถมยังซื้อรถหรูนำเข้าทั้ง ๆ ที่ไม่มีใบขับขี่
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องเสียเงินจำนวนมากไปในแต่ละปีเพื่อดูแลรักษาบ้านที่อาศัยอยู่ โดยหมดไปกับค่าภาษี ประกันอัคคีภัย ค่าทำสวน แถมยังมีค่าปรับปรุงการตกแต่งภายนอกกับหลังคาบ้าน
แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ นาง N สูญเงินไปอีก 10 ล้านเยน (ราว 2.1 ล้านบาท) ไปกับการลงทุนตามคำแนะนำของคนรู้จัก แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับหอบเงินหนีไป ซึ่งตำรวจเชื่อว่ามีโอกาสได้เงินคืนน้อยมาก แต่ถึงอย่างนั้นหญิงชรายังคงปกปิดปัญหาด้านการเงินต่าง ๆ ไว้ไม่ให้ลูกรู้ และมักจะบอกเสมอว่าเธอยังมีเงินใช้อยู่

นักวางแผนการเงินเคยแนะนำเธอ ให้ขายบ้านแล้วย้ายไปอาศัยอยู่บ้านพักคนชรา หรือขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่นาง N ยังคงยืนกรานจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้เป็นมรดกให้ลูกชายคนโต เธอไม่ยอมย้ายไปไหน แม้ผู้เชี่ยวชาญจะเตือนว่าการดูแลบ้านหรูนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และเป็นภาระใหญ่สำหรับผู้สูงวัย ต่อให้เธอจะประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ด้วยเงินบำนาญที่มีกับเงินออมที่มีจำกัด ยังคงเป็นเรื่องยากที่เธอจะหาเงินมาจ่ายค่าดูแลบ้าน
อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ในปี 2565 ระบุว่าอัตราความยากจนสัมพัทธ์ของสตรีอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่คนเดียว เพิ่มขึ้นไปถึง 44% โดยกรณีของ นาง N นับเป็นภาพตอกย้ำปัญหาความยากจนที่แฝงอยู่ ซึ่งมักสื่อถึงการพยายามรักษาภาพลักษณ์ของกลุ่มคนที่อยู่ระดับสูงของสังคม แต่มีการใช้จ่ายเกินตัว โดยพบว่าปัญหาคนที่ดูมั่งคั่งในเรื่องที่อยู่แต่ขัดสนเรื่องเงินนั้น เกิดขึ้นทั้งในเขตเมืองและชนบท
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ครอบครัวที่มีรายได้สูงตรวจสอบสุขภาพทางการเงินของตัวเอง และวางแผนเรื่องเงินสดและการจัดการอสังหาริมทรัพย์ไว้ก่อนเกษียณอายุ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นและการเผชิญข้อจำกัดทางการเงินในช่วงบั้นปลายของชีวิต รวมถึงแนะนำให้สื่อสารกับครอบครัว เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างมั่นคง
ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT