
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ady Blarev
ไซอุน คุณปู่วัย 73 ปี และบุหงา ฟิตรี หญิงสาววัย 27 ปี อาศัยในหมู่บ้านปาดัง ตัมบัก เขตการัง ติงกี จังหวัดเบงกูลู ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งสองบังเอิญได้พบกันผ่านการแนะนำของเพื่อนและญาติใกล้ชิด จนกระทั่งได้มีโอกาสทำความรู้จักและสานสัมพันธ์กลายเป็นคนรัก ก่อนที่จะตกลงแต่งงานกัน โดยพิธีวิวาห์ของทั้งสองจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ภายหลังจากภาพถ่ายงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวต่างวัยคู่นี้ถูกเผยแพร่ไปบนโซเชียลมีเดีย ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรง ในขณะที่บางส่วนชื่นชมความรักด้วยไม่สนเรื่องอายุ แต่อีกส่วนก็ประหลาดใจ ทั้งเรื่องของอายุที่แตกต่างกันมากชวนให้เข้าใจผิดว่าเป็นปู่-หลาน มากกว่าสามี-ภรรยา ทั้งนี้ ยังมีคนสังเกตสีหน้าของเจ้าสาวที่ดูเหมือนไม่แฮปปี้ บ้างก็คาดเดาไปว่าเธอแต่งงานกับสามีรุ่นปู่เพียงเพราะเงิน
อย่างไรก็ตาม รายงานสื่อท้องถิ่นเปิดได้เผยเรื่องราวเบื้องหลัง ระบุว่า ฟิตรี มีภาวะบกพร่องทางการพูดและทางร่างกายบางส่วน เธอเคยบอกเพื่อนสนิทของเธอว่า เธออยากมีคู่ชีวิต ปรากฏว่าเพื่อนของเธอคนนี้เป็นหลานของไซอุน เพื่อนจึงแนะนำให้ฟิตรีรู้จักกับลุง เมื่อไซอุนได้เจอกับฟิตรีครั้งแรก เขาก็รู้สึกถึงความสบายใจ เช่นเดียวกับฟิตรีก็รู้สึกดีกับคุณลุงไซอุน จนผ่านไป 2 สัปดาห์ ทั้งสองก็มั่นใจในความรู้สึกที่มีต่อกัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ady Blarev
ฟิตรี ยืนยันว่า เธอตกลงแต่งงานกับไซอุนเพราะเธอรู้สึกว่าทั้งสองเข้ากันได้ดี ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินหรือสินสอดตามที่คนอื่นพูดกัน เธอบอกว่าไซอุนเป็นคนจิตใจดี มีความรับผิดชอบและยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น หลังจากได้ศึกษาและทำความรู้จักกันลึกซึ้ง การแต่งงานจึงเกิดขึ้นด้วยความจริงใจ โดยทั้งสองจัดพิธีสมรสอย่างเรียบง่าย โดยมีครอบครัวและเพื่อนบ้านคนสนิทมาร่วมงาน
สำหรับไซอุน ก่อนหน้านี้เขาเคยมีลูก 3 คนกับภรรยาคนเก่า ซึ่งลูกของเขาทั้ง 3 คน ต่างแต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ตัวเขาเองก็ยังต้องการคู่ชีวิตที่จะครองรักไปด้วยกัน ส่วนเรื่องที่เขาและภรรยาถูกวิจารณ์ พวกเขายอมรับและเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น
"สำหรับเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลกันและกัน อยู่เคียงข้างกัน และสร้างครอบครัวที่กลมเกลียว มันเรียกว่าพรหมลิขิต คนอื่นไม่มีใครรู้ หากเข้ากันได้ อายุก็ไม่ใช่อุปสรรค" ไซอุน กล่าว
นอกจากนี้ โรสมาลา เดวี แม่ของฟิตรี ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เธอเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้อย่างสุดหัวใจ เธอปฏิเสธความคิดที่ว่าลูกสาวแต่งงานเพราะถูกบังคับ หรือด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ และย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้ากันได้ และความยินยอมร่วมกันของสองคน เธอมีความสุขอย่างแท้จริงที่ได้เห็นลูกสาวสร้างครอบครัวที่มั่นคงเช่นนี้
"ความสุขของลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด ตราบใดที่ฟิตรีรู้สึกสบายใจและพบคู่ครองที่ยอมรับเธอในแบบที่เธอเป็น ครอบครัวจะคอยสนับสนุนเธอเสมอ และเหนือสิ่งอื่นใดคือทุกคนมีความสุข ไม่มีใครผิดหวัง" เดวี กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก Tribun Sumsel