
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai
จากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นำมาซึ่งความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกปืนใหญ่ของกัมพูชาได้พุ่งปะทะโรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทย จนสร้างความสูญเสียอย่างมาก ขณะที่สังคมไทยตั้งคำถามว่า จากสถานการณ์นี้ยังจะรับผู้ป่วยกัมพูชามารักษาหรือไม่ แม้บางโรงพยาบาลจะเผยจุดยืน ยังรักษาผู้ป่วยก็ตาม
ล่าสุด (3 สิงหาคม 2568) มีรายงานว่า นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ อธิบายว่าทำไมโรงพยาบาลไทยไม่สามารถรับผู้ป่วยจากกัมพูชาได้ ? (ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจะตายตรงหน้า) โดยมีข้อความดังนี้...
"จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา มีเหตุปะทะเกิดขึ้นระหว่างกองกำลังของทั้ง 2 ประเทศ โดยประเทศไทยอยู่ในสถานะป้องกันตัว และไม่ใช่ผู้เริ่มความรุนแรง แต่เป็น ฝ่ายกัมพูชา ที่เริ่มใช้กำลังโจมตี ซึ่งรวมถึงการยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ส่งผลให้โรงพยาบาลหลายแห่งในเขตชายแดนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai
1. โรงพยาบาลในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีโดยตรงของกัมพูชา
โรงพยาบาลที่ต้องปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง ได้แก่
- โรงพยาบาลน้ำขุ่น
- โรงพยาบาลน้ำยืน
- โรงพยาบาลนาจะหลวย
- โรงพยาบาลกันทรลักษ์
- โรงพยาบาลภูสิงห์
- โรงพยาบาลกาบเชิง
- โรงพยาบาลพนมดงรัก
- โรงพยาบาลปราสาท
- โรงพยาบาลบ้านกรวด
- โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ
- โรงพยาบาลละหานทราย
โรงพยาบาลที่เปิดได้เพียงบางส่วน (เฉพาะห้องฉุกเฉิน) 9 แห่ง
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 144 แห่ง
- ปิดให้บริการทั้งหมด 140 แห่ง
- เปิดให้บริการบางส่วนเพียง 4 แห่ง
โรงพยาบาลบางแห่งได้รับความเสียหายจากกระสุนและแรงระเบิดโดยตรง มีบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัย

ภาพความเสียหาย รพ.สต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

ภาพความเสียหาย รพ.สต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ชายแดนจำนวนมากไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ บางส่วนต้องอพยพออกนอกพื้นที่ โรงพยาบาลหลายแห่งมีจำนวนเตียงไม่เพียงพอ ระบบน้ำ ไฟฟ้า และการสื่อสาร มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจากนอกพื้นที่ โดยเฉพาะจากประเทศที่เป็นต้นเหตุของความเสียหาย

ภาพความเสียหาย รพ.สต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
3. ความไม่ปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายและดูแลผู้ป่วยจากประเทศต้นเหตุของการโจมตี
ครั้งนี้กัมพูชา ผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือ กลับเป็นฝ่ายที่ใช้กำลังทำลายโครงสร้างพื้นฐานของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งยังสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนไทย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากกัมพูชาในสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่สามารถกระทำได้โดยปลอดภัยหรือเหมาะสม
สรุปว่า
ประเทศไทยไม่สามารถรับผู้ป่วยจากกัมพูชาได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยเหตุผลที่สำคัญดังต่อไปนี้
- โรงพยาบาลไทยจำนวนมากได้รับความเสียหายโดยตรงจากการโจมตีของกัมพูชา
- ระบบสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนล่มเกือบทั้งหมด
- บุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ
- ความปลอดภัยของผู้ให้บริการและผู้ป่วยไม่สามารถรับประกันได้
- ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนของตนเองก่อนจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประเทศไทยจะยังไม่สามารถดำเนินบทบาทด้านมนุษยธรรมกับกัมพูชาได้ตามเจตนาดีที่มีต่อกันในอดีต

ภาพความเสียหาย รพ.สต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี