
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า ข้อพิพาทเพื่อแย่งชิงมรดก 3 ล้านหยวน (ราว 13 ล้านบาท) ของสองพี่น้อง นำมาสู่การเปิดเผยความจริงใจสลาย และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ของจีน หลังจากที่พ่อตัดสินใจยกบ้านทั้งหลังให้ลูกชายแต่เพียงผู้เดียว และทำจดหมายบอกให้แบ่งส่วนหนึ่งแก่ลูกสาว
รายงานเผยว่า คดีดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจาก นายซุน จากเมืองเทียนจิน ทางตอนเหนือของจีน ได้ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์มูลค่า 3 ล้านหยวน แก่ลูกชายเพียงผู้เดียว ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในเดือนมีนาคม 2568 โดยเขายังทิ้งข้อความสั่งเสียเอาไว้ ขอร้องให้ลูกชายมอบเงินชดเชยในจำนวนที่สมเหตุสมผล แก่ลูกสาวบุญธรรมด้วย
"แม้ลูกสาวของเราจะเป็นลูกบุญธรรม แต่เราปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ มาโดยตลอด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ลูกชายเป็นคนที่คอยดูแลเรา เราจึงยกบ้านให้เขา และเขาก็ตั้งใจจะชดเชยแก่พี่สาว เราหว่าว่าลูก ๆ จะเข้ากันได้ดีเหมือนเป็นพี่น้องแท้ ๆ" จดหมายจากพ่อ ระบุ
อย่างไรก็ตาม ลูกสาวบุญธรรมโต้แย้งเรื่องการรับมรดกของน้องชาย โดยอ้างว่าสัญญาโอนกรรมสิทธิ์นั้นมีลายเซ็นของพ่อเพียงคนเดียว นั่นหมายความว่าส่วนแบ่งที่เป็นของแม่ ต้องรวมอยู่ในหลักทรัพย์นั้น ๆ และยืนกรานว่าพ่อแม่ยกบ้านให้เธอแล้ว จะไม่มีใครเอาไปจากเธอได้ทั้งนั้น
รายงานเผยว่า นายซุนกับภรรยารับลูกสาวบุญธรรมมาเลี้ยงในปี 2509 ขณะที่ลูกชายเพิ่งเกิดในอีก 7 ปีต่อมา พวกเขาเลี้ยงเด็กทั้งคู่มาด้วยกัน และไม่ชัดเจนว่าภรรยาของนายซุนเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ข้อพิพาทดังกล่าวนำมาสู่การต่อสู้ทางกฎหมายอันดุเดือดที่ศาลประชาชนเขตหนานไค ของเมืองเทียนจิน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาคดี ลูกสาวบุญธรรมได้นำหลักฐานใหม่ที่ไม่คาดคิดมาแสดง มันบ่งชี้ว่าในทะเบียนบ้านนั้น บริเวณชื่อของลูกชายมีการระบุไว้ว่า เป็นการรับมาอุปการะ นั่นจึงพิสูจน์ได้ว่าลูกชายคนนี้เองก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่เป็นเด็กที่ถูกรับมาเป็นลูกบุญธรรมเช่นกัน
การเปิดเผยนี้ทำให้ลูกชายใจสลายกลางศาล อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่านับตั้งแต่ภายในครอบครัวมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินกันเมื่อ 30 กว่าปีก่อน พี่สาวก็ตัดความสัมพันธ์กับคนในบ้านไป เขาเป็นเพียงคนเดียวที่คอยดูแลพ่อแม่กระทั่งพวกท่านจากไป จึงปฏิเสธที่จะแบ่งทรัพย์สินใด ๆ แก่พี่สาว
สุดท้าย ผู้พิพากษาระบุว่า ภายใต้กฎหมายนั้น การรับบุตรบุญธรรมไม่ส่งผลต่อสิทธิในการรับมรดก พวกเขาทั้ง 2 คนยังมีสถานะเป็นทายาทอย่างเท่าเทียมกัน แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับพ่อผู้ล่วงลับ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทรัพย์สินที่เป็นข้อพิพาท ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องและมีการรับรองตั้งแต่ปี 2550 บ้านดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกอีกต่อไป แต่เป็นของลูกชาย
ทั้งนี้ หลังการไกล่เกลี่ยนาน 3 ชั่วโมง ในที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายก็บรรลุข้อตกลง โดยบ้านมูลค่า 3 ล้านหยวน จะยังคงเป็นของน้องชาย โดยที่น้องชายจะจ่ายเงินชดเชยแก่พี่สาว 550,000 หยวน (ราว 2.4 ล้านบาท)
อนึ่ง ในด้านการสืบทอดมรดกของจีนนั้น ในอดีตให้ความสำคัญกับทายาทชายมาก โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ แม้กรอบกฎหมายจะพัฒนาไปไกลเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ แต่บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่ยังฝังรากลึก ยังคงมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติเรื่องมรดก ฝ่ายหญิงจึงมักได้น้อยกว่าฝ่ายชาย
ขณะเดียวกัน ชาวจีนยังวิพากษ์วิจารณ์ว่า เด็กทั้ง 2 คนนี้ล้วนเป็นบุตรบุญธรรมเช่นกัน แต่มีเพียงลูกชายที่ถูกปิดบังเรื่องนี้ เขาถูกปฏิบัติเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ ขณะที่ลูกสาวรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้น จึงไม่แปลกที่จะเกิดความขัดแย้งในบ้าน นอกจากนี้ยังมีคนระบุว่า "ฉันคิดว่าโครงเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในละครซะอีก"
ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP