สึนามิซัดรัสเซีย หลังแผ่นดินไหวขนาด 8.8 พบคลื่นสูง 4 เมตร - อาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.9

          วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าว AP และ CNBC รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว 8.8 แมกนิจูด นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตคา ของรัสเซีย นับเป็นหนึ่งในแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดของโลก ทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนจำนวนมาก รวมถึงก่อให้เกิดสึนามิสูงถึง 4 เมตร ทำให้มีการแจ้งเตือนสึนามิตลอดจนการอพยพแล้วในหลายพื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก 

          โดยพบว่าในหลายพื้นที่ของคัมชัตคา มีรายงานพบสึนามิสูง 3-4 เมตร ทางการได้แจ้งเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากแนวชายฝั่งแล้ว ขณะที่ผู้ว่าการของคัมชัตคา ชี้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นับว่ามีความรุนแรงและแรงสั่นสะเทือนมากที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
          ด้านสำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึกอยู่ที่ 20.7 กิโลเมตร มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองเปโตรพาฟลอฟสก์-คัมชัตสกี ราว 119 กิโลเมตร โดยเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง รวมถึงอาฟเตอร์ช็อกความรุนแรง 6.9 แมกนิจูด เพียงไม่นานหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก
 
          สำหรับดินแดนคัมชัตคาและพื้นที่ตะวันออกไกลของรัสเซีย ตั้งอยู่บนแนววงแหวนแห่งไฟของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีกิจกรรมทางธรณีวิทยาสูงและมีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหวและการปะทุของภูเขาไฟ โดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย ระบุว่า นี่เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ตั้งแต่ปี 2495 


          ด้าน ผู้อำนวยการ Geophysical Service สาขาคัมซัตคา ของสถาบันวิทยาศาสตร์ รัสเซีย ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวในภูมิภาค เผยผ่านเทเลแกรมว่า อาฟเตอร์ช็อกที่กำลังเกิดขึ้น จะยังคงมีแรงสั่นสะเทือนค่อนข้างสูง แต่ไม่น่าจะมีการสั่นสะเทือนที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคตอันใกล้ สถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุม 

          ขณะเดียวกัน Geophysical Service สาขาคัมซัตคา ยังมีการเผยคลิปขณะที่คลื่นสึนามิเข้ามาถึงเมืองเซเวโร-คูริลสค์ หลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้นด้วย 


          อนึ่ง นี่เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดของโลกนับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหว 9.0 แมกนิจูด นอกชายฝั่งของญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ซึ่งทำให้เกิดสึนามิยักษ์ถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยขณะนี้ทางการญี่ปุ่นมีการแจ้งเตือนภัยสึนามิบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว รวมถึงระงับระบบขนส่งในหลายเส้นทาง ทั้งรถไฟและเรือข้ามฟาก

ขอบคุณข้อมูลจาก CNBC, AP, The Guardian