วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ฟรัง นรีกุล หรือ หมอฟรัง ลงคลิปผ่านช่อง Youtube laohaiFrung พูดคุยกับ คุณอันอัน เจ้าของเพจ อันอันขาเหล็ก ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 แสนในเฟซบุ๊ก เปิดใจเล่าสาเหตุที่ต้องใส่ขาเทียม จุดเริ่มต้นจากที่ไปโรงพยาบาลเพราะปวดท้อง แต่ตรวจพบเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต ส่งผลให้ต้องตัดขาเพื่อรักษาชีวิต
คุณอันอัน เล่าว่า ช่วงนั้นเกิดขึ้นตอนที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย เธอป่วยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ รู้สึกวิงเวียน จะเป็นลม นอนตื่นขึ้นมาแล้วยังไม่ดีขึ้น เริ่มอาเจียน และรู้สึกปวดท้องมาก ทางบ้านจึงพาไปโรงพยาบาล ตอนนั้นรู้สึกปวดท้องมาก ๆ เหมือนไส้เราจะหลุดออกมา ตอนนั้นแอดมิตไปคืนแรก พอตื่นขึ้นมารู้สึกว่าอาการดีขึ้น แต่ปรากฏว่า คุณหมอบอกว่าจะต้องย้ายไปห้อง ICU เพราะน้ำท่วมปอด ขณะนั้นตนเองก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ามันเกิดความผิดปกติกับร่างกาย
วันต่อมา คุณหมอ ได้ขอคุยกับคุณแม่ว่าควรต้องย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์หัวใจสิริกิติ์ จ.ขอนแก่น เพราะว่าโรงพยาบาลเดิมอาจจะช่วยรักษาได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่า พอไปถึงโรงพยาบาลใหม่ คือพี่พยาบาลเขาแบบรีบเข็นหนูมากเลย หลังจากนั้นคำสุดท้ายที่ได้ยินคือ คุณหมอบอกว่า ขออนุญาตสอดท่อช่วยหายใจ แล้วทุกอย่างก็คือดับไป จำอะไรไม่ได้แล้ว
ต่อมาพยาบาลเดินมาบอกแม่ว่า น้องอันหมดลมหายใจแล้ว กำลังปั๊มกำลังช่วยชีวิตน้องขึ้นมาอยู่ ซึ่งเป็นอะไรที่ตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน ยังไม่รู้ว่าตนเองมีเนื้องอกอยู่ที่ต่อมหมวกไต ซึ่งอาการที่เกิดคือเหมือนเป็นแพนิก หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อแตก เป็นพัก ๆ วันละ 5 นาที ตอนนั้นมองว่าแค่รำคาญ แต่ว่าไม่ได้ถึงขั้นรู้สึกว่าไม่ได้อันตรายถึงชีวิต จึงไม่เคยไปหาหมอเลย รวมทั้งไม่เคยไปตรวจสุขภาพ เพราะรู้สึกว่าอายุยังน้อย (ตอนนั้น 21 ปี)
สุดท้าย จากเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต ก็ส่งผลทำให้ตัวหัวใจทำงานหนัก พอกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน ก็เลยต้องใช้เครื่องเอคโม่ พอใช้เครื่องเนี่ย ผลข้างเคียงของมันก็คือลิ่มเลือดไปอุดตันที่ขา ก็เลยที่จะต้องตัดขาเพื่อรักษาชีวิต
ตอนที่ตื่นขึ้นมาแรก ๆ เวลาตื่นขึ้นมาจะยังไม่เห็นตัวเองว่าเรามีขาหรือไม่มีขา ไม่มีใครกล้าบอกอะไร จนแม่ต้องมาบอกความจริง ตอนแรกเข้าใจว่าแค่เป็นแผลเป็น ยังคงคิดบวก และบวกกับช่วงนั้นต้องผ่าตัดอีกหลายอย่าง ทั้งเนื้องอก ผ่าไส้ติ่ง เป็นปีที่แบบรุมเร้าเกี่ยวกับการผ่าตัดมาก ๆ พอเสร็จแล้วก็ตั้งใจจะกลับไปเรียนต่อ เพราะอยากจบพร้อมเพื่อน ช่วงนั้นต้องนั่งวีลแชร์ แต่ทุกคนก็ช่วยซัพพอร์ตเต็มที่ สิ่งสำคัญคือกำลังใจจากครอบครัว ทุกคนทำให้รู้สึกว่าเราเป็นคนปกติคนหนึ่ง ถึงเราจะไม่มีขา 1 ข้าง แต่เรายังสามารถไปในที่ไหนก็ได้เหมือนคนอื่น ๆ
ที่ตัดสินใจแชร์เรื่องราวในโซเชียล ช่วงแรก ๆ ตั้งใจจะลงให้ตัวเองดูก่อน ปรากฏว่า พอเห็นคอมเมนต์ว่า "ดูแล้วมีกำลังใจจังเลย" หรือ "วันนี้ท้อจัง แต่เห็นคลิปน้องแล้ววันนี้แฮปปี้แล้ว"
รู้สึกว่าคำให้กำลังใจกันเล็ก ๆ
ในพื้นที่มันทำให้เรารู้สึกว่าสามารถเป็นหนึ่งช่องทางที่เราแชร์พลังบวกให้กับคนอื่นได้
ก็เลยตัดสินใจที่จะมาทำช่อง อันอันขาเหล็ก