
ภาพจาก โหนกระแส
จากกรณี ศาลทหาร มณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ครอบครัวของ "น้องเมย" น.ต.ท. ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ฟ้องร้องรุ่นพี่ที่บังคับธำรงวินัย จนน้องเมยเสียชีวิต ซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยมีโทษ จำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท และรอลงอาญา 2 ปี โดยให้เหตุผลว่า การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า
อ่านข่าว : เปิดบันทึกจากพี่สาว น้องเมย หลังศาลทหารชั้นฎีกา จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี
ล่าสุด (23 กรกฎาคม 2568) พ่อแม่ของน้องเมย ได้มาออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 8 ปี ที่ทางครอบครัวพยายามต่อสู้ทวงความยุติธรรมในคดีนี้ โดยก่อนเริ่มรายการ คุณพ่อได้พูดเกริ่นไว้ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า
"มันก็แตกสลายนะครับ ลองคิดดูว่า สู้กันมา 7-8 ปี ลูกผมตายแล้วตายเลย แต่คนที่ทำผิด ไปมียศมีตำแหน่ง ทั้งที่ตัวเองมีคดีอาญาติดตัว ทำไมเขาถึงไปมียศมีตำแหน่งได้" และยืนยันว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ เรื่องอวัยวะของน้องเมยที่หายไป ซึ่งแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท เกือบ 4 ปีที่ตำรวจออกหมายเรียกแพทย์ที่ผ่าชันสูตรน้องเมยคนเรก เขาไม่ยอมมา แต่ก็ยังไม่ถูกออกหมายจับ

ภาพจาก โหนกระแส
ขณะที่ในรายการโหนกระแส ทางครอบครัวไล่ไทม์ไลน์ วันที่ลูกชายเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งในช่วงต้นก็เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่ผิดปกติ ลูกชายมักจะบาดเจ็บกลับมาบ้าน โดยที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น บอกแต่ว่า "ตกบันได" และมักตอบว่า "ผมอยากเรียนต่อครับ" น้องเมยไม่ยอมออก
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ คือในวันที่ 23 สิงหาคม 2560 น้องเมยถูกลงโทษอย่างรุนแรงด้วยท่าปักหัวโหม่งโลก หลังจากรุ่นพี่ไปพบว่าน้องเมยใช้ "บันไดฝั่งซ้าย" ซึ่งมีไว้เฉพาะสำหรับรุ่นพี่ แม้น้องเมยจะยืนยันว่า มีรุ่นพี่อนุญาตให้ใช้ แต่รุ่นพี่คนนั้นกลับไม่เชื่อ พาไปถามคนที่น้องเมยบอกว่าอนุญาต แต่อีกฝั่งกลับคำ ปฏิเสธว่าไม่ได้อนุญาต เป็นเหตุให้ลูกชายต้องซ่อมในห้องน้ำเกือบ 1 ชั่วโมง จนศีรษะกระแทกรุนแรง
หลังจากนั้นน้องเมยมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ และอาเจียน แต่ก็ไม่ได้รับการพักฟื้นอย่างจริงจัง ตลอดเดือนต่อมา อาการยังไม่ดีขึ้น และในวันที่ 15–17 ตุลาคม 2560 น้องเมยถูกธำรงวินัยต่อเนื่องหลายคืน ทั้งยึดพื้นในห้องอับอากาศ วิ่ง พุ่งหลัง กระโดดกบ และออกกำลังกายหนัก การซ่อมยังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการถูกสาดน้ำเย็นในเวลากลางคืน หรือปลุกมาลงโทษอีกหลายครั้ง
จนสุดท้าย ในเช้าตรู่วันที่ 17 ตุลาคม 2560 น้องเมยหมดสติและเสียชีวิตภายในโรงเรียนเตรียมทหาร ครอบครัวได้รับแจ้งในภายหลังว่าเขาเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

ภาพจาก โหนกระแส
แต่เมื่อได้รับร่างลูกชายคืนในวันที่ 21 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ครอบครัวกลับพบว่าอวัยวะสำคัญอย่าง สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหาร ได้ถูกนำออกไปโดยไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า และไม่เคยได้รับคืนอย่างโปร่งใส ทั้งที่ผลชันสูตรของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ามีการเก็บอวัยวะไว้ในระหว่างกระบวนการผ่าศพ
จนถึงวันนี้ทางครอบครัวเดินหน้าฟ้องร้องหลายคดี เอาผิดทั้งรุ่นพี่ที่ลงโทษลูกชาย ครูฝึกที่ปล่อยปละละเลย รวมถึงแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บอวัยวะ แต่แม้จะผ่านไป 8 ปี ครอบครัวยังไม่ได้รับความยุติธรรมที่เฝ้าต่อสู้
แม่น้องเมย เล่าว่า ช่วงที่น้องแค่บาดเจ็บ มีใบรับรองแพทย์สั่งให้หยุดฝึก แต่ทุกครั้งที่เมยลงจากกองแพทย์มาเจอรุ่นพี่พวกนี้ เขาก็ยังโดนทำโทษอีก เคยถามลูก ลูกบอกว่า "ก่อนแม่มา ทางโรงเรียนเคยมาสอบปากคำผมแล้ว ผมต้อง พูดได้แค่นี้ แต่ถ้าผมพูดมากกว่านี้ พี่เขาจะไม่ได้เรียนต่อ"

ภาพจาก โหนกระแส
น้องเมยบอกว่า น้องเมยเป็นห่วงคนอื่น เพราะว่าตัวเขาอยากเรียน คนอื่นก็ต้องอยากเรียน ถ้าเขาพูดตัดอนาคตคนคนนั้นตั้งแต่วันนั้นอะไรจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่ทำไง ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้ คุณแม่หัวใจสลายยิ่งกว่าเดิม
แต่พอแม่น้องเมยไปพูดเรื่องนี้ในศาล ทนายจำเลยเขาถามเราว่า แม่พูดลอย ๆ ได้ แม่มีคลิปไหม ทำให้เรามาโทษตัวเองว่า เราไม่มีถ่ายคลิปลูกไว้ เพราะเราไม่รู้จริง ๆ ว่าลูกเราจะตาย
อย่างไรก็ตาม พ่อน้องเมยเผยว่า คู่กรณีที่ถูกตัดสินคดีไปแล้ว ต้องคดีอาญาแล้ว แต่ ณ วันนี้เขายังรับราชการเป็นตำรวจอยู่ได้ยังไง แล้วที่บอกว่าเขาสร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศได้ แล้วลูกของตน ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีประโยชน์ต่อประเทศไหม

ภาพจาก โหนกระแส
วันนี้ที่มีปัญหาชายแดน เขาอาจจะไปช่วยเหลือประเทศอยู่ก็ได้ ถ้าน้องเมยเสียชีวิตในหน้าที่ พ่อจะภูมิใจมากเลย แต่วันนี้ลูกกลับเสียชีวิตจากน้ำมือของคนในโรงเรียน มันรับได้หรือ
ทั้งนี้ สิ่งที่ครอบครัวอยากฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าปล่อยให้รุ่นพี่รับราชการอยู่ได้อย่างไร และตอนเลื่อนยศขึ้นมาเป็น ร.ต.ท. เขาไม่ถูกพิจารณาหรือว่ามีคดีติดตัวอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส