เปิดบันทึกจากพี่สาว น้องเมย หลังศาลทหารชั้นฎีกา จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี

          ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษารุ่นพี่เตรียมทหาร คดีน้องเมย จำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี ชี้ลงโทษไปไม่เป็นประโยชน์ ให้ไปรับใช้ชาติต่อไป 
จะลงโทษจำเลยไป...ก็ไม่เป็นประโยชน์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Supicha M Tanyakan

          วันนี้ (22 กรกฎาคม 2568) ไทยพีบีเอส รายงานว่า ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี นัดอ่านคำพิพากษาชั้นศาลฎีกา คดีการเสียชีวิต ของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ เมย ในคดีการเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 โดยมี นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บิดาและมารดาของนายภคพงศ์ เดินทางมารับฟังคำพิพากษา  

          โดย ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี

          สำหรับคดีนี้ ทางครอบครัวของนายภคพงศ์ หรือ น้องเมย ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นักเรียนเตรียมทหารพิพจน์ และ นักเรียนเตรียมทหารภูมิพัฒน์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมถึง ว่าที่ร้อยตรี ปิยพงศ์ (ครูฝึก) ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีเหล่านี้อยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลทหาร 

          ในศาลทหารชั้นต้น มีคำพิพากษาให้รอการกำหนดโทษนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ที่ถูกฟ้องร้องในคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีอื่น ๆ ที่ครอบครัวน้องเมยฟ้องร้อง พนักงานสอบสวนและอัยการบางส่วนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประจักษ์พยานที่เพียงพอ 

          ต่อมา ชั้นศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในบางคดี

          อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพ่อแม่น้องเมย ยืนยันว่ายังไม่เคยได้รับการชดเชยจากทางกระทรวงกลาโหม มีเพียงเงินค่าทำศพ 1 แสนบาท ที่เก็บไว้ไม่ได้ใช้ จนถึงขณะนี้ครอบครัวยังคงไม่ได้รับเงินที่โรงเรียนเตรียมทหารแจ้งว่าจะให้ 1 หมื่นบาท 

          สำหรับอวัยวะภายในของลูกชาย ก็ยังอยู่กับเจ้าหน้าที่ เพราะมีการอ้างว่าเอากลับไปก็ทำอะไรไม่ได้ ทางครอบครัวจึงยังไม่ได้รับ ส่วนชั้นอุทธรณ์ที่ระบุให้พักการลงโทษรุ่นพี่ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า เป็นคำลงโทษอะไร แต่มีหนึ่งในรุ่นพี่ได้ติดยศสังกัดตำรวจแล้ว

จะลงโทษจำเลยไป...ก็ไม่เป็นประโยชน์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Supicha M Tanyakan

          บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย 

          ต่อมา พี่สาวของน้องเมย โพสต์บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย ผ่านทางเฟซบุ๊ก Supicha M Tanyakan ระบุว่า วันนี้ได้มีการออกนั่งอ่านฎีกา ณ ศาล มบท.12 คดีทำร้ายร่างกาย น.ต.ท. ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ 

          ส่วนที่ 1
          ศาลสูงยื่นตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ แต่ให้รอการจำคุกไว้ เนื่องด้วยเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ประเด็นต่อมาคือลงในฐานความผิดอาญาลหุโทษ ทำให้จำเลยยังคงรับราชการเป็นตำรวจได้ต่อไปโดยที่ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายนั้นไม่มีสิทธิแม้แต่ได้ดำรงชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
 
          ส่วนที่ 2 
          น.ต.ท. ภคพงศ์ นายต้องปราศจากความผิดทั้งหมด รวมถึงข้อครหาว่าเพราะนาย "โกหก" จึงต้องไปโดนธำรงวินัย เอกสารที่แนบมานี้ ไม่ได้ถูกส่งประกอบเข้าไปในการฟ้องร้องเพราะขอเอกสารจากต้นสังกัดเข้ามาในสำนวนไม่ทัน แต่ดิฉันอยากเอาออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกัน ว่าเรื่องทั้งหมดที่เด็กชายคนหนึ่งต้องรับมันไว้เกิดมาจากจุดใด

          อยากให้ทุกคนได้อ่านมันไปพร้อม ๆ กันและสรุปเรื่องราวนี้ในใจของท่านเองว่าคิดเห็นอย่างไร 

          - เอกสารฉบับที่ 1 เป็นคำให้การของนักเรียนบังคับบัญชาที่พาน้องเมยเดินลงมาด้วยกัน และมีการอนุญาตให้ใช้บันไดเจ้าปัญหาแล้ว 

          - เอกสารฉบับที่ 2 เป็นคำให้การของจำเลย ซึ่งเป็นนักเรียนบังคับบัญชาเช่นกัน
โปรดตั้งใจอ่านแล้วจะเห็นจุดขัดแย้ง

          ส่วนที่ 3 
          ความรู้สึกของพวกเราสามคน ในฐานะ พ่อ แม่ และพี่สาว ของเด็กชายคนนึง เราทั้ง 3 คนต้องนั่งฟังคำให้การวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าน้องเมยโกหกถึงได้รับผลเช่นนี้ ทุกปากที่มาขึ้นศาลหรือให้การกับตำรวจล้วนแล้วแต่ปรักปรำให้เด็กชายเป็นคนผิด ไม่ใช่แค่จากนักเรียนด้วยกัน แต่จากปากผู้ปกครองของเด็กอื่น ๆ ก็ด้วย "ไอ้ขี้โกหก" ทำให้ทุกคนต้องมาเสียชื่อเสียง โรงเรียนได้รับผลกระทบ ทำไมครอบครัวไม่ยอมทำใจยอมรับมันซะละเพราะลูกแกนะมันเป็น "ไอ้ขี้โกหก"

          วันนี้คุณทุกคนลองอ่านทุกตัวหนังสือเสียใหม่นะว่าเรื่องต่าง ๆ  เกิดขึ้นยังไง แล้วใครกันที่โกหก

          ส่วนที่ 4 
          ถึงผู้ปกครองส่วนมากก็ดี แต่ก็มีอีกส่วนที่รักโรงเรียนเสียยิ่งกว่าอะไรจนจับต้องไม่ได้ ฟังนะสิ่งที่ทำไปทั้งหมด มันจะไปกระทบกองทัพ โรงเรียน หรือ ปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร มันก็ถูกต้องแล้วที่หน่วยงานพวกนี้จะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกอย่างโปร่งใส ถ้าให้ตรวจสอบกันเองพวกคุณก็ให้การเข้าข้างกันแบบนี้แหละ เป็นนักเรียนยังขนาดนี้เติบใหญ่จะเป็นขนาดไหน... 

          อย่างน้องเด็กชายที่ตายไปได้สร้างแรงกระเพื่อมทิ้งไว้ ทำให้ระบบอะไร ๆ มันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็มองข้อดีในตรงนี้กันบ้าง เพราะฉันรู้ว่ามันจริง 

          ส่วนที่ 5 
          วันนี้เดินทางมาสุดสายปลายทางของคดีแรกแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้วนะเมย แต่ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกว่ายุติธรรมมากพอแต่มันก็สำเร็จแล้ว ฉันล้างมลทินทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่ที่หัวใจแหลกสลายแค่ไหนแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่และทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้ 

          สุดท้ายนี้ ฉันอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ 

          - อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร 

          - เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน เพราะการพิจารณาคดีมันแตกต่างกันจริง ๆ

          โกหกใครโกหกได้แต่ใจเราโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะฉันยืนตามความจริงมาตลอดฉันถึงแข็งแกร่ง ฉันถึงพูดออกมาโดยไม่เกรงกลัวใด ๆ  
จะลงโทษจำเลยไป...ก็ไม่เป็นประโยชน์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Supicha M Tanyakan 
จะลงโทษจำเลยไป...ก็ไม่เป็นประโยชน์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Supicha M Tanyakan 

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยพีบีเอสช่อง 3 

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
เปิดบันทึกจากพี่สาว น้องเมย หลังศาลทหารชั้นฎีกา จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี โพสต์เมื่อ 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 14:26:58 แสดงความคิดเห็น