ลูกสาว 5 ขวบ ถูก พนง. ซูเปอร์ชี้เป็นขโมย จะค้นตัว แม่ไม่โวยแต่พูดอย่างใจเย็น คนยกนิ้วเลย

          ลูกสาว 5 ขวบร้องไห้จ้า ถูก พนง. ซูเปอร์บอกเป็นขโมย - จะค้นตัว จนแม่ต้องออกปากพูด ทำสถานการณ์สงบลงอย่างน่าทึ่ง โซเชียลชื่นชมวิธีรับมือ ไม่ต้องใช้อารมณ์ในการสอนลูก


          วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ Soha รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ถูกพนักงานซูเปอร์มาร์เกตกล่าวหาว่าเป็นขโมย และจะเข้ามาค้นตัวต่อหน้าทุกคน ทำให้เกิดสถานการณ์สุดวุ่นวาย แต่ด้วยการรับมือของแม่ที่เข้ามาพูดกับพนักงานอย่างใจเย็น ทำให้สถานการณ์สงบลงจนแม้แต่คนรอบข้างยังเห็นด้วยกับแม่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ชาวเน็ตมากมายต่างพากันชื่นชมวิธีการสอนลูกของแม่รายนี้

          รายงานเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถูกโพสต์ลงเว็บเสี่ยวหงชู โดยชาวเน็ตรายหนึ่ง ซึ่งเธอชื่นชมวิธีการของเพื่อนในการเลี้ยงลูก จึงอยากนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาแชร์กับชาวเน็ต

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          เจ้าของโพสต์ เล่าว่า เธอได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านเพื่อนสนิทชื่อ เหลียวเจียง อายุ 35 ปี ที่อาศัยอยู่ในซินเจียง ประเทศจีน โดยพวกเธอเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป เธอไปทำงาน ส่วนเพื่อนไปเรียนต่อ ปัจจุบันอยู่บ้านคอยเลี้ยงลูกและดูแลธุรกิจครอบครัว

          ทั้งคู่ยังติดต่อกันเรื่อย ๆ คุยกันเรื่องต่างๆ เรื่องงาน ชีวิต และวิธีเลี้ยงลูก แต่ฟังเพื่อนเล่าอย่างเดียวก็ยังไม่เข้าใจนัก จนได้เห็นเอง ตอนไปซูเปอร์มาร์เกตด้วยกัน

เหตุการณ์ที่ซูเปอร์มาร์เกต

          ตอนที่พวกเธอไปซูเปอร์มาร์เกตด้วยกัน ลูกสาววัย 5 ขวบของเหลียวเจียงก็ไปด้วย เด็กหญิงวิ่งไปรอบ ๆ ดูของเล่น ของใช้ต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน บางครั้งก็ถามว่า "นี่คืออะไรคะแม่ หนูเอาได้ไหม"

          หลังจากช้อปปิ้ง 20 นาที พวกเธอก็มาเข้าคิวจ่ายเงิน ทุกอย่างดูปกติ แต่ทันทีที่เดินผ่านเสาสัญญาณกันขโมย กลับมีเสียงกริ่งดังขึ้น เจ้าหน้าที่ของซูเปอร์มาร์เกตเข้ามาทันที พบว่าตอนที่เด็กหญิงพยายามเดินผ่านเสากันขโมย ก็จะมีเสียงกริ่งดังขึ้นทุกครั้ง

          ในขณะที่เธอกับเพื่อนยังสับสน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็จะเข้ามาขอตรวจค้นตัวเด็กทันที พนักงานแคชเชียร์ก็ทำสีหน้าจริงจัง บอกว่า "ลูกสาวคุณขโมยของ เราคงต้องขอค้นตัว"

          เด็กหญิงเห็นแบบนั้นก็ร้องไห้เสียงดัง เจ้าของโพสต์เองก็งุนงง เธอไม่คิดว่าเด็กจะขโมยของอะไรได้ อีกทั้งบ้านเด็กก็มีพร้อมทุกอย่าง แต่ช่วงเวลานั้นเป็นอะไรที่กดดันมากจริง ๆ เพราะมีคนต่อคิวรอจ่ายเงินกันอยู่มากมาย พนักงานก็กดดัน เด็กก็ร้องไห้ลั่น แต่ทุกอย่างก็ค่อยสงบลงเมื่อ เหลียวเจียง ออกปากพูดกับพนักงาน

          โดยเหลียวเจียงเข้ามาปลอบลูก ก่อนจะหันมาพูดกับพนักงานว่า "ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะฉันจ่ายของทั้งหมดที่ซื้อแล้ว ฉันไม่รู้ว่าทำไมกริ่งถึงดังตอนลูกเดินผ่าน แต่เราจะไม่หนีความรับผิดชอบ

          อย่างไรก็ตาม นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ ลูกสาวฉันยังเล็ก เหมาะสมแล้วหรือที่จะมาค้นตัวกันในที่ที่มีคนชุกชุมขนาดนี้"

          เจ้าหน้าที่ยังยืนกรานว่าเป็นกฎ ว่าถ้าเจอขโมย ก็ต้องปรับ 2,000 หยวน (ราว 9,000 บาท) เหลียวเจียงจึงตอบกลับไปอย่างใจเย็น แต่หนักแน่นพอ ยืนยันว่าพวกเธอจะทำตามกฎอย่างแน่นอน แต่ขอให้เข้าไปทำการตรวจค้นในห้องส่วนตัว โดยให้แม่เด็กอยู่ด้วยและคุยกับเด็กเอง

          "ถ้าจำเป็นฉันจะค้นตัวลูกสาวเอง ลูกสาวฉันยังเล็กและเป็นเด็กผู้หญิง พวกคุณทุกคนเป็นผู้ชาย ไม่อึดอัดใจเหรอ" เหลียวเจียง กล่าว

          ตอนนั้นเอง คนมากมายที่อยู่รอบ ๆ เริ่มเห็นด้วยกับเธอ ในที่สุดพนักงานก็ใจเย็นลง และยอมพาแม่ลูกไปยังห้องรับรอง ซึ่งเหลียวเจียงก็ได้นั่งลง พูดกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่มีการดุด่าหรือตะคอกใส่

การแก้ไขสถานการณ์ของแม่

          เธอถามลูกว่า "หนูได้หยิบอะไรมาโดยยังไม่ได้จ่ายเงินไหม เราต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะเอาของกลับบ้านได้ใช่ไหม แม่สอนหนูว่ายังไง จำได้ไหม"

          ตอนนั้นเด็กยังนิ่งเงียบและเม้มปากแน่น ซึ่งคนโพสต์ยอมรับว่าหากเธอเป็นแม่ คงใจเย็นแบบนั้นไม่ได้ ท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้อง แต่ลูกยังดื้อรั้นแบบนี้ หากเป็นเธอคงตีและบังคับให้พูดความจริงแล้ว

          แต่เหลียวเจียงยังค่อย ๆ พูดคุยกับลูก จนในที่สุด 5 นาทีต่อมา เด็กหญิงจึงยอมหยิบสร้อยข้อมือเด็กออกมาจากกระเป๋า แม่จึงบอกลูกว่า "การที่ลูกหยิบของมาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นเรื่องผิด แม่ไม่ได้โกรธที่ลูกทำผิดพลาด แต่แม่เสียใจที่ลูกปิดบังความจริง หนูอยากขอโทษและเอาของไปคืนไหม"

          เด็กหญิงพยักหน้า เหลียวเจียงจึงพาลูกไปแคชเชียร์ด้วยกัน จากนั้นก็ขอโทษพนักงานด้วยกัน สัญญาว่าจะไม่ทำอีก อีกทั้งระหว่างทางกลับบ้าน เหลียวเจียงยังคงสอนลูกสาวต่อว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นเรื่องผิด รู้หรือไม่ รวมถึงถามว่าลูกเอาของมาทำไม

          วิธีการของเพื่อนที่ไม่ช่วยปกปิดความผิดของลูก แต่ยังรับมือกับสถานการณ์อย่างชาญฉลาดโดยไม่ทำร้ายความรู้สึกเด็ก ทำให้เธอชื่นชมอย่างมาก โดยเหลียวเจียงยังบอกด้วยว่า เด็กนั้นมีพื้นที่ของตัวเองให้ได้เติบโต หน้าที่ของพ่อแม่ไม่ใช่การช่วยกลบเกลื่อนความผิดของลูก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษทุกอย่าง แต่หน้าที่ของพ่อแม่คือการนำทางลูกไปทีละก้าวต่างหาก

ความคิดเห็นจากชาวเน็ต

          โพสต์นี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมาก หลายคนบอกว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แม้จะเป็นตัวเองก็ไม่แน่ว่าจะแก้ปัญหาอย่างนี้ได้ และชื่นชมวิธีการรับมือของแม่ ที่แม้ว่าลูกจะทำผิดพลาด แต่ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำให้อับอายในที่สาธารณะ


ขอบคุณข้อมูลจาก Soha