
ภาพจาก ป๋าเต็ด
ขึ้นแท่นหนึ่งในพิธีกรที่มีแฟนติดตามอย่างเหนียวแน่น สำหรับ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งล่าสุด (18 กรกฎาคม 2568) หนุ่ม กรรชัยหนุ่ม กรรชัย ก็ได้ออกมาร่วมเปิดใจในรายการ "ป๋าเต็ดทอล์ก" ของ ป๋าเต็ด ยุทธนา ถึงเรื่องราวต่าง ๆ จากการทำหน้าที่พิธีกรข่าว รวมถึงความกดดันที่ต้องเผชิญ การแบกรับความคาดหวังจากสังคม ตลอดจนความเครียด
จุดเริ่มต้นก่อนจะเป็นโหนกระแส
หนุ่ม กรรชัย เผยว่า ตนอยากจะทำรายการทอลก์มานานแล้ว และได้มีโอกาสคุยเรื่องชีวิตปัญหาแต่ละคนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จุดเริ่มต้นจริง ๆ เกิดจากการที่ตนได้รับโอกาสให้ทำรายการเมืองไทยวาไรตี้ ทางช่อง 3 จนช่วงหนึ่งเขาเปลี่ยนรูปแบบ เริ่มมาทำรายการกึ่ง ๆ ฮาร์ดทอล์ก สัมภาษณ์คนรอบตัวเราว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเราก็ชอบ เลยทำมาเรื่อย ๆ
8 ปีของโหนกระแส
หนุ่ม กรรชัย เผยว่า ไม่น่าเชื่อว่าโหนกระแสเข้าสู่ปีที่ 8 กำลังจะครบ 2,000 ตอนแล้ว ตอนที่เริ่มทำก็ไม่คิดว่าจะอยู่มานานขนาดนี้ แต่เนื่องจากโหนกระแสอาจจะเป็นรายการที่ตนหกล้มหกลุกมามาก ลงทุนเยอะ ขาดทุน เพราะเป็นรายการของเราเอง ไม่มีรายได้ ยอมรับว่าช่องอยู่ช่อง 28 รายการขายยาก แต่ตนก็ชอบ ก็ทำด้วยทุนตัวเองไป
วันแรกไม่ได้คิดจะช่วยคนอะไร คิดว่านี่คือธุรกิจเท่านั้น เพราะการทำรายการต้องลงทุน และต้องนึกถึงผลตอบแทน แต่เมื่อทำ ๆ ไปมันเหมือนแป้งที่ถูกคลึงเป็นลูกกลม รู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่รายการฮาร์ดทอลก์ แต่มันกลายเป็นกระบอกเสียงที่ใช้บอกเรื่องให้สัมคมรับรู้ ว่ามีคนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำไมองค์กรไม่ช่วยเหลือ จึงกลายเป็นจุดยืนในวันนี้ที่รายการเป็นกระบอกเสียง กระบอกใหญ่ ที่อยากทำให้คนที่ไม่มีโอกาสต่อสู้ ได้มีโอกาสต่อสู้ในรายการโหนกระแส
จุดเปลี่ยนของโหนกระแสคือ มันเป็นรายการเหมือนน้ำซึมบ่อทราย ซึมความรู้สึกคนดูไปเรื่อย ๆ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้คนใกล้ชิดกับโหนกระแส และคนจับต้องได้
แรก ๆ เราก็เป็นคนตามกระแส แต่หลัง ๆ พอรายการเริ่มอยู่ตัว เราก็คิดว่าไม่แฟร์กับคนอื่นที่ยังไม่ได้เป็นกระแส แต่ถูกกระแสอื่นทับไป ตนเลยคิดว่าอยากให้คนร้องเข้ามาทางเพจ และมีทีมงานมอนิเตอร์ จากนั้นก็ดึงเรื่องต่าง ๆ มา แล้วมีการแตกไลน์ ทำเป็นเพจขึ้นมา ทำให้เราเป็นกระบอกเสียงได้หลายทาง

ภาพจาก ป๋าเต็ด
โหนกระแสไม่ค่อยแตะการเมือง ?
หนุ่ม กรรชัย เผยว่า ถ้าสังเกตตนจะไม่ค่อยทำเรื่องการเมือง ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่ตนไม่ค่อยถนัด และรู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตนคิดว่าถ้าไปจับเรื่องการเมืองมาก ๆ ก็อาจจะมีผลกระทบต่อตัวเองและคนอื่น เลยพยายามจะทำน้อยที่สุด เว้นแต่จำเป็นจริง ๆ
ทีมงานโหนกระแส
ทีมงานโหนกระแสมีประมาณ 20 คน แต่มีคนที่คอยมอนิเตอร์ประมาณ 8-9 คน โดยตอบไม่ได้ว่าเรื่องที่จะเล่นนั้นมีเดดไลน์ในการตัดสินใจตอนไหน เพราะบางทีตี 1-2 บางทีจน 9 โมงเช้าก็ยังไม่รู้ บางครั้งอาจจะติดต่อแขกได้แล้ว แต่พอถึงเวลาแขกไม่มา ก็จำเป็นต้องหาใหม่ ฉุกละหุกที่สุดที่เคยเจอคือ 2 ชั่วโมง ก่อนข่าวแขกยังมาไม่ถึงก็มี ตนก็ต้องจี้ทีมงานเป็นพัก ๆ แต่ละวันต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลา
การช่วงชิงแขก
หนุ่ม กรรชัย เผยว่า ในการช่วงชิงแขกรับเชิญ ตนมองว่าเหมือนนักมวย คือเรามีนายต่างกัน ตนมีนายคือช่อง 3 เหมือนค่ายมวย บางวันที่ต้องขึ้นก็ต้องต่อย เราก็ต้องสู้เพื่อให้ช่องได้แขกคนนี้มา แต่สิ่งหนึ่งที่ตนจะไม่ทำคือชกใต้เข็มขัด เช่นการบอกว่าอย่าไปรายการนั้นนะ มันไม่ดี ตนย้ำทีมงานตลอดว่า จะใช้เงินนั้นไม่ติด จะบอกแขกว่าจะช่วยเขายังไง ตนไม่ติด แต่สิ่งเดียวที่ตนรับไม่ได้คือการให้ร้าย วางยาคนอื่น ซึ่งตนเคยโดนมาแล้วและก็รู้สึกเฮิร์ต
รายการโหนกระแสมีวอร์รูมไหม
หนุ่ม กรรชัย เผยว่า ไม่มี ตนไม่เคยมีสคริปต์ว่าต้องถามอะไร ก็ซัดกันไปสด ๆ เลย สิ่งที่ถือบนโต๊ะคือกระดาษเปล่าและปากกา จดไว้ว่าจะเอามาถามต่อ
มีไหมที่เคยโดนใบสั่ง ว่าห้ามพูดหรือให้หยุดเล่น
เคยมี แต่รู้สึกว่าตนทำข่าว ก็มีความจำเป็นต้องนำเสนอ ตนก็มีเหตุผลที่ต้องบอกเขาว่าจำเป็นต้องทำ ซึ่งหากไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงจริง ๆ ตนก็ทำหมด แต่อาจจะมีบางกรณีที่บางคนอาจจะมีคอนฟลิกซ์กับทางช่อง ตนก็พยายามหาทางเลี่ยงให้ หาวิธีอื่น ๆ นำเสนอให้เขาแทน

ภาพจาก ป๋าเต็ด
เคยถูกข่มขู่ไหม
หนุ่ม กรรชัย เผยว่า เรื่องขู่ยังไม่เคยโดน แต่เคยโดนมีมาดักแทง เขาพกมีดมาบอกว่าจะมาหาตน แต่ รปภ. รู้ก่อน ตำรวจก็มาเอาตัวไป จริง ๆ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรานำเสนอ แต่เขาอยากให้เราช่วย แต่เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือก็เลยโกรธ บางคนมายืนด่าก็มี
ยอมรับว่าเราทำทุกเรื่องที่คนส่งมาร้องเรียนไม่ได้ ในเพจโหนกระแสเคยมีคนร้อง 300-400 เรื่องต่อวัน แต่สัปดาห์หนึ่งนำเสนอได้ 5 วัน บางครั้งก็อาจจะไม่ได้ทั่วถึง จึงเป็นประเด็นที่บางคนรู้สึกว่าร้องไปก็ไม่ช่วย จะโดนอยู่บ่อย ๆ
ไปโหนกระแสต้องจ่ายเงินไหม
หนุ่ม กรรชัย ยืนยันว่ารายการโหนกระแสไม่เคยขอเงินใคร ตนเคยได้ยินว่ามีการเรียกเก็บเงินตั้งแต่ 500 บาท ไปถึงหลักพัน หลักหมื่น จนถึง 20 ล้านก็มี ซึ่งก็มีคนยอมจ่าย (แต่เคส 20 ล้าน เหยื่อไหวตัวทันจึงไม่ได้จ่าย) ทั้งนี้ ขอเตือนผู้คนให้ระวังคนที่มาแอบอ้างไปเรียกเก็บเงินด้วย ย้ำว่าโหนกระแสไม่เคยขอเงินใคร ยกเว้นสปอนเซอร์
คดีติดตัวของหนุ่ม กรรชัย
ตอนนี้มีหลัก ๆ ประมาณ 4 คู่กรณี 1. เป็นเคสที่เกี่ยวพันกับดิไอคอน การเรียกรับเงิน 2. นักร้องหญิงคนหนึ่ง 3. ข้อพิพาทของคุณพ่อคุณแม่ของเด็กคนหนึ่ง 4. เป็นคดีที่ตนเพิ่งฟ้องไป ปกติตนไม่เคยคิดที่จะฟ้องคนที่มาวิพากษ์วิจารณ์ตนในเพจ แต่คิดว่าล้ำเส้นไปนิด คือมาเกี่ยวข้องกับลูกของตน ตนมันเขี้ยวมากเพราะเป็นอาจารย์ เป็นสถาปนิก แต่วุฒิภาวะมีแค่นี้

ภาพจาก ป๋าเต็ด
ตลอด 8 ปี วันไหนที่ยากหรือแย่ที่สุดในการทำโหนกระแส
หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ยากที่สุดไม่มี เพราะมันยากทุกวัน แต่แย่ที่สุดคือเหมือนตนถูกคาดหวังจากคนทั่ว ๆ ไปว่า อยากให้ทำเรื่องนี้ ทำไมไม่ทำแบบนี้ ทำไมถามแบบนี้ ทำไมเอาคนนี้มาออก ทำไมไม่เอาคนนี้มาออก ตนโดนแบบนี้ แล้วก็โดนด่า บางครั้งทำเรื่องนี้แต่คนไม่ชอบ ก็จะโดนด่ายับ ตนเคยนอยด์จนนอนไม่ได้ อีกไม่กี่ขั้นก็ซึมเศร้าแล้ว
ตอนนั้นตนกินไม่ได้ นอนไม่ได้ นอนตี 3 ก็จะตื่น ตัวจะสั่นแม้จะปิดแอร์ รู้สึกมีแต่เรื่องพวกนี้อยู่ในหัว จนต้องไปหาจิตแพทย์ ตนไม่อยากคุยกับใครเลย ไม่อยากคุยกับคนในบ้าน กับลูก ไม่อยากคุยกับใครทุกคน จิตแพทย์บอกว่าตนเป็นโรคสิ้นยินดี คือไม่ยินดียินร้ายอะไร และแนะนำให้ตนหาจุดที่ตนอยากทำ อะไรที่ไม่เคยทำ ให้ลองทำ ตนเลยเริ่มหาจุดที่อยากทำ ตนก็เจอ มีไปเจอเพื่อนด้วย จากที่เมื่อก่อนตนปิดตัวเอง เป็นอินโทรเวิร์ต ไม่เจอสังคม ตนก็ไปเจอและคลายอาการได้บ้าง
บุคคลที่อยากขอบคุณ - จุดที่ปลดล็อก
หนุ่ม กรรชัย เล่าว่า มีวันหนึ่งที่ตนแย่มาก มีอาจารย์คนหนึ่งโทร. มา ท่านเป็นเพื่อนของญาติของคนที่ตนนำเสนอ แล้วตนถูกด่าเยอะมากจากเรื่องนั้น และตนแย่มากวันนั้น เรื่องนั้นทำให้ตนแย่มาก ๆ จนไม่อยากทำอะไรอีกเลย
แต่อาจารย์ท่านนี้โทร. มาแนะนำตัวเอง บอกว่าเป็นเพื่อนของหลานคนที่มาออกรายการ บอกว่าจะโทร. มาเพื่อให้กำลังใจตน เพราะรู้ว่าตนกำลังโดนอะไรอยู่
อาจารย์บอกว่า ผมแค่อยากถามคุณว่าคุณรู้จักพวกซูเปอร์ฮีโร่ที่ใส่หน้ากากไหม และถามว่า "คุณรู้ไหมทำไมคนเหล่านั้นต้องใส่หน้ากาก"
ตอนแรก หนุ่ม กรรรชัย ก็สงสัยว่าอาจารย์จะถามทำไม ยอมรับว่าไม่รู้เหตุผล แต่อาจารย์บอกว่าให้กลับไปคิดให้ดี ๆ ที่คนเหล่านั้นใส่หน้ากากเพราะเขาไม่ต้องการให้คนมาคาดหวังกับเขา ไม่ต้องการให้คนรู้จักตัวตนว่าเขาเป็นใคร เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเปิดหน้า คนจะวิ่งมาหาเขาเยอะ เขาจะรับไม่ไหว อย่าลืมว่าหนุ่มเปิดหน้ากาก ไม่แปลกที่คนคาดหวังแล้ววิ่งมาหา พอเราทำให้เขาไม่ได้ก็จะถูกเขาต่อว่า ทุกคนต้องเป็นแบบนี้ เมื่อเราเปิดหน้ากากออกมาช่วยคนก็ต้องยอมรับสิ่งที่เป็นให้ได้

ภาพจาก ป๋าเต็ด
หนุ่ม กรรชัย ยอมรับว่า สิ่งที่ได้ฟังวันนั้นทำให้ตนปลดล็อกเลย ตนหลับได้ แฮปปี้ คำพูดนั้นทำให้ตนเข้าใจว่า ตนแค่คิดบวกเท่านั้นเอง แต่ตนไม่เคยคิดบวกมาก่อนไง ไม่เคยคิดว่าที่โดนคนด่าคือยังไง แต่คิดบวกคือคนคาดหวังกับเรา จากคนไม่มีอะไรเลย นักแสดงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไม่ได้มีมูลค่า แต่วันนี้ตนมาทำข่าวแล้วมีคนคาดหวัง ตนมาไกลมากเลย ฉะนั้นเราจะเศร้ากับตัวเองทำไม เพราะเขารักเราจึงคาดหวังกับเรา แค่เราคิดบวกก็จบแล้ว ตอนนี้ตนจึงคิดแบบนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก ป๋าเต็ดทอล์ก