ชายโวย น้องชายยาว 18 ซม. ผ่าตัดแค่ 1 ปี หดเหลือครึ่งเดียว เดือดฟ้องหมอเรียกครึ่งล้าน !

          ชายไต้หวันโวย น้องชายยาว 18 เซนติเมตร จ่ายค่าผ่าตัดหลายแสน ผ่านไป 1 ปี หดเหลือแค่ครึ่งเดียว ฟ้องหมอเรียกครึ่งล้าน !


          วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ CTWANT รายงานว่า เป็นเรื่องเศร้ายิ่งกว่าเศร้า เมื่อชายคนหนึ่งในเมืองเกาสง ของไต้หวัน เผชิญปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และยอมใช้เงิน 235,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 258,000 บาท) ในการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไป 14 เดือน เขากลับพบว่าน้องชายของตัวเองสั้นลงไป 5.5 เซนติเมตร ทำให้โกรธจัดและฟ้องเรียกค่าเสียหายจากแพทย์ แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายแพ้คดี

          โดยจากคำตัดสิน ระบุว่า ชายคนนี้ไปพบแพทย์ที่คลิกนิกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ก่อนตัดสินใจผ่าตัดฝังองคชาติเทียมตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถึง 235,000 ดอลลาร์ไต้หวัน

          รายงานเผยว่า ความยาวองคชาติของเขาก่อนผ่าตัดอยู่ที่ 18 เซนติเมตร แต่หลังจากผ่าตัดได้ 3 เดือน ดูเหมือนองคชาติของเขาจะสั้นลงกว่าเดิม กระทั่งในเดือนเมษายน 2567 เจ้าโลกของเขาหดเหลือเพียง 12.5 เซนติเมตรเท่านั้น และเหลือแค่ 9 เซนติมตรในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน

          ด้วยความคับแค้นใจ ชายคนดังกล่าวจึงฟ้องแพทย์ เรียกร้องให้คืนเงินค่าผ่าตัดรวมถึงจ่ายเงินชดเชย รวมเป็นเงิน 535,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 588,000 บาท)

          อย่างไรก็ตาม แพทย์อธิบายว่าการผ่าตัดของชายคนนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น แม้จะไม่มีการวัดขนาดหรือถ่ายภาพก่อนผ่าตัด แต่ลักษณะแผลที่ปรากฏนั้นยังปกติในการติดตามผลครั้งที่ 5

          นอกจากนี้ในเรื่องความยาวอวัยวะเพศของชายคนดังกล่าว สามารถวัดความยาวจากกระดูกหัวหน่าวขององคชาติ ได้อยู่ที่ 9 เซนติเมตร ซึ่งก็สอดคล้องกับการวัดครั้งก่อน และเป็นความยาวปกติของผู้ชายไต้หวัน

          แพทย์ชี้ว่าชายคนนี้ได้ทำซีทีแสกนด้วย พบว่าองคชาติเทียมที่ฝังไว้ไม่ได้เคลื่อนตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าการผ่าตัดไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ นอกจากนี้แพทย์ยังแจ้งเกี่ยวกับวิธีการฝังอวัยวะเพศเทียมก่อนผ่าตัดแล้ว รวมถึงชี้ว่าลักษณะภายนอก ความแข็ง และความยาวหลังการผ่าตัด อาจไม่สามารถกลับไปอยู่ในสภาพเดิมแบบก่อนผ่าตัดได้ ดังนั้นชายคนนี้จึงไม่ควรนำเหตุผลดังกล่าวมาขอยกเลิกและเรียกร้องให้คืนเงิน

          ศาลวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะนำ 2 ภาพที่ถ่ายไว้ก่อนผ่าตัดมาแสดงเป็นหลักฐาน แต่ทั้ง 2 ภาพนั้นถ่ายจากด้านข้างและด้านบน ไม่มีหน่วยวัดที่สามารถเปรียบเทียมได้ ดังนั้นจึงไม่อาจระบุความยาวที่แท้จริง อีกทั้งในภาพยังเป็นแค่ส่วนล่างของร่างกายเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันตัวตนบุคคลในภาพได้ว่าเป็นเขาหรือไม่

          ศาลยังชี้อีกว่าอวัยวะเพศชายนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยภายนอก เช่น อุณหภูมิ เวลา ความถี่ของกิจกรรมทางเพศ รวมถึงระดับความตื่นตัว และอื่น ๆ รวมถึงยังอาจขึ้นอยู่ตามสรีระของแต่ละบุคคล สภาพจิตใจ อายุ ตลอดจนระบบต่อมไร้ท่อ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต โดยอ้างอิงจากช่วงเวลาที่เจาะจง สุดท้ายเนื่องจากชายคนนี้ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสูจน์ว่าความยาวนั้นสั้นลงจากการผ่าตัดจริง สุดท้ายผู้ร้องจึงเป็นฝ่ายแพ้คดีไป


ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT