สาวเปิดชีวิต งานสบายรายได้ดี ได้เงินปีละเกือบล้าน ทำไมลังเลอยากลาออก ถามยังเป็นงานที่ดีอยู่ไหม ชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่น ความมั่นคงกับความท้าทาย จะเลือกอะไร

ในขณะที่ผู้คนมากมายคาดหวังจะได้เจองานที่จ่ายค่าตอบแทนสูง ทำได้ง่าย ๆ และอยู่ใกล้บ้าน แต่หญิงวัย 30 ปีรายหนึ่งกลับเกิดความลังเล จนออกมาตั้งคำถามว่างานสบายรายได้ดีที่ทำอยู่นั้น เป็นงานที่ดีจริงหรือไม่ หรือถึงเวลาแล้วที่เธอจะลาออกจากงานที่แสนน่าเบื่อนี้
โดยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ CTWANT รายงานว่า หญิงรายดังกล่าวโพสต์เรื่องของเธอบน Dcard ชุมชนออนไลน์ของไต้หวัน เล่าว่างานที่เธอทำอยู่ขณะนี้นั้น ดูทีแรกเหมือนจะเป็นงานที่ดีมากและสามารถทำไปได้ทั้งชีวิต แต่มาระยะนี้เธอกลับรู้สึกว่าเนื้อหางานที่ทำอยู่นั้นน่าเบื่อมาก แต่ละวันใช้เวลาในการทำไม่ถึง 30 นาทีเท่านั้น ทำให้เธอมีเวลาว่างถึงวันละ 7 ชั่วโมง จนเธอเริ่มกังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ในตอนนี้เธอเองก็อยู่ในช่วงเวลาทองของการเปลี่ยนงานแล้ว ดังนั้นจึงเกิดความลังเลใจว่าควรจะทำงานนี้ต่อไปดีหรือไม่ พร้อมเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียให้ได้เห็นกันชัด ๆ
เริ่มจากข้อดีที่ยากจะมองผ่าน คือ นี่เป็นงานประจำที่มีเงินเดือน 45,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 50,000 บาท) พร้อมโบนัสสิ้นปี 4 เดือน เมื่อรวมเบี้ยเลี้ยงต่าง ๆ เธอจะมีรายได้ตกปีละประมาณ 800,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 891,000 บาท) แถมที่ทำงานยังอยู่ใกล้บ้าน ใช้เวลาเดินทางเพียง 35 นาทีเท่านั้น
ในส่วนสภาพแวดล้อมการทำงาน สำนักงานแห่งนี้มีลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างยืดหยุ่น โดยมีกำหนดเวลาทำงาน 08.00-17.00 น. ไม่ต้องตอกบัตร สามารถมาสายได้ แต่ออกก่อนเวลาไม่ได้ หัวหน้าทุกคนทำงานจากที่บ้าน จึงไม่มีใครมาคอยจับตาดูขณะทำงาน
พนักงานสามารถใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือได้ตามต้องการ ห้ามเพียงการนอนหลับเท่านั้น หากไม่ต้องการเข้าสำนักงานในวันใดก็สามารถขอทำงานที่บ้านได้ แต่ไม่สามารถขอบ่อยเกินไป
บรรยากาศในที่ทำงานค่อนข้างเงียบ เพื่อนร่วมงานไม่ค่อยสนิทสนมกัน โต๊ะถูกจัดให้นั่งห่างกัน ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไร ดังนั้นในช่วงเวลาว่าง ๆ จะสามารถทำงานเสริมอะไรก็ได้
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่งานนี้ก็มีข้อเสียที่สำคัญ ได้แก่
- ไม่มีความก้าวหน้า เพราะเงินเดือนสูงตั้งแต่เริ่มงาน แต่ไม่เติบโตขึ้นอีก อาจได้เงินแค่นี้ไปทั้งชีวิต
- วันลาพักร้อนน้อย ทำให้ไม่มีโอกาสพักผ่อนเพียงพอ
- งานน่าเบื่อ ทำให้มีเวลามากมายในการคิดฟุ้งซ่าน
อนึ่ง หลังจากโพสต์เรื่องราวนี้ ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย ดังนี้
"ในฐานะคน ๆ หนึ่ง คุณต้องก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน ฉันจะได้กระโดดเข้าไปในคอมฟอร์ตโซนนั้นแทนคุณ"
"นี่มันผ่อนคลายมาก เยี่ยมเลยที่ไม่ต้องเจอหัวหน้า"
"คุณยังต้องการเพื่อนร่วมงานอีกเหรอ"
"ถ้าฉันมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ ฉันสามารถรับโปรเจกต์และหาเงินเสริมได้ในอีก 7.5 ชั่วโมงที่เหลืออยู่"
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างความมั่นคงทางการเงินกับความก้าวหน้าในอาชีพ และการต้องเลือกระหว่างงานที่สบายแต่ไม่มีความท้าทาย กับการเสี่ยงเปลี่ยนงานเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ว่าแต่หากเป็นเรา...จะเลือกทางไหน ?
ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT