หนุ่มดีใจ พ่อจะซื้อบ้านให้ ผ่านไปไม่ถึงปีต้องช็อก มีหนี้ท่วมหัวเกือบครึ่งล้าน ช็อกที่แท้คือแผนร้ายจากคนเป็นพ่อ ทิ้งไว้ไม่เลี้ยง ยังจะทำแบบนี้

แม้แต่เสือยังไม่กินลูกตัวเอง แต่ยังมีพ่อที่หลอกลูกตัวเองได้ลงคอ ล่าสุด (6 กรกฎาคม 2568) เว็บไซต์ CTWANT มีรายงานเรื่องราวของ เสี่ยวฮวา (นามสมมติ) เด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูโดยปู่กับย่า โดยตอนที่เขาเพิ่งอายุครบ 18 ปี อยู่ ๆ พ่อก็โทร. ติดต่อมาว่าจะซื้อบ้านให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยขอให้ลูกชายมาเซ็นเอกสารให้ แต่ไม่คาดคิดว่าในอีก 10 เดือนต่อมา อยู่ ๆ เด็กหนุ่มจะได้รับหมายศาล แจ้งเรื่องที่เขามีหนี้ท่วมหัว
โดยมีการเปิดเผยว่า เสี่ยวฮวา อาศัยอยู่ในเมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ได้รับหมายศาลเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมเอกสารรับรองการเป็นลูกหนี้ที่แนบมาด้วยกัน มันแสดงข้อมูลว่า อาเฉียง (นามสมมติ) พ่อของเขา ไปกู้ยืมเงินมาจากบุคคลอื่นจำนวน 100,000 หยวน (ราว 454,000 บาท) ที่น่าตกใจคือมีชื่อของเสี่ยวฮวาเป็นคนค้ำประกัน พร้อมลายเซ็นของเขา ซึ่งเมื่อเสี่ยวฮวาคิดไตร่ตรองดูแล้ว ก็รู้ว่ามันเป็นแผนร้ายที่พ่อแท้ ๆ จัดฉาก
ปรากฏว่าพ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มแยกทางกันตั้งแต่เขาอายุ 5 ขวบ เสี่ยวฮวาเลยต้องมาอยู่กับพ่อ แต่เพราะพ่อต้องทำงานไกลบ้าน เลยทิ้งลูกชายให้ปู่กับย่าดูแล ซึ่งที่ผ่านมาเด็กน้อยยังคงติดต่อกับ อาฟาง (นามสมมติ) ผู้เป็นแม่อยู่เป็นระยะ ๆ
กระทั่งในเดือนมีนาคม 2567 ตอนที่เสี่ยวฮวาอายุ 18 ปี อยู่ ๆ พ่อก็โทร. มา บอกว่าจะซื้อบ้านเป็นของขวัญให้เนื่องในโอกาสที่เขาบรรลุนิติภาวะ พร้อมแนะนำให้ลูกมาเซ็นเอกสารให้ที่สำนักงาน เสี่ยวฮวาทำตามที่พ่อแนะนำ แต่เอกสารที่เขาต้องเซ็นนั้นกลับเป็นกระดาษเปล่าที่ไม่มีอะไรเขียนอยู่ และเขายังทิ้งข้อมูลส่วนตัวไว้ที่พ่อด้วย
อย่างไรก็ตาม ผ่านไป 2 สัปดาห์ก็ยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับบ้านใหม่จากพ่อ เสี่ยวฮวารู้สึกแปลก ๆ เลยบอกแม่ให้รู้ เมื่่ออาฟางรู้เรื่องก็ติดต่อไปหาอดีตสามีทันที เธอพยายามซักถามว่าเขาให้ลูกเซ็นเอกสารอะไร จนในที่สุดอาเฉียงก็ยอมรับว่าไม่ได้ซื้อบ้านให้ลูกจริง ๆ
อาฟาง ถามต่อว่า "คุณเอาลายเซ็นลูกไปกู้เงินหรือค้ำประกันใช่ไหม" แต่อาเฉียงปฏิเสธ ทำให้แม่ลูกโล่งใจในตอนนั้น
แต่ในเดือนมกราคม 2568 เสี่ยวฮวากลับได้รับหมายศาล พร้อมเอกสารรับรองการเป็นลูกหนี้ ที่ระบุว่าพ่อไปกู้ยืมเงินมาจำนวน 100,000 หยวน โดยกำหนดชำระคืนภายใน 6 เดือน เอกสารนี้มีลายเซ็นของพ่อเป็นคนกู้ พร้อมประทับรอยนิ้วมือ และยังมีลายเซ็นของเสี่ยวฮวาในช่องคนค้ำประกัน กลายเป็นว่ากระดาษเปล่าที่เสี่ยวฮวาเซ็นไป ถูกนำมาใช้เป็นเอกสารกู้ยืม
เสี่ยวฮวาได้เห็นก็ตกใจ เขาไม่คิดว่าด้วยอายุเพียง 18 ปี เขาจะมีสิทธิ์ค้ำประกันใครได้ แต่กลับตกเป็นจำเลยในคดีที่เจ้าหนี้ฟ้องมา เสี่ยวฮวาจึงรีบบอกแม่ แม่ลูกจึงต้องเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ให้พร้อมสำหรับการไต่สวน
ระหว่างไต่สวน เจ้าหนี้ซึ่งเป็นโจทก์ อ้างว่าเป็นเพื่อนอาเฉียง ตนให้เพื่อนยืมเงินเพราะอีกฝ่ายต้องการนำเงินไปหมุน แต่อาเฉียงไม่จ่ายหนี้คืนเลยตัดสินใจยื่นฟ้อง หวังเรียกเงินคืนจากคนค้ำประกัน แต่เสี่ยวฮวายืนยันว่าตัวเองไม่ทราบเรื่องการกู้เงินใด ๆ แถมไม่รู้จักเจ้าหนี้ด้วยซ้ำ เขายืนกรานว่าตัวเองไม่เคยยินยอมเป็นคนค้ำประกัน โดยมีหลักฐานเป็นบันทึกการสนทนาที่แม่กับพ่อเคยคุยกัน นำมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
หลังการไต่สวน แม้โจทก์จะยืนยันความเป็นเจ้าหนี้ตามกฎหมาย แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเสี่ยวฮวาเต็มใจเป็นคนค้ำประกันให้พ่อ ร่วมกับหลักฐานที่เด็กหนุ่มมี พิสูจน์ได้ว่าเขาเซ็นเอกสารเพราะนึกว่าพ่อจะซื้อบ้านให้ ไม่ใช่การค้ำประกันเงินกู้ ดังนั้นศาลจึงตัดสินว่าลายเซ็นของเด็กหนุ่มไม่นับว่ามีผลทางกฎหมาย และอาเฉียงต้องรับผิดชอบคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ภายใน 10 วัน นับจากวันที่มีการพิจารณาคดี
ทั้งนี้ ทางเจ้าหนี้ยังพยายามยืนกรานให้เด็กหนุ่มมีส่วนรับผิดชอบ แต่ศาลยังคงย้ำ ว่าเด็กหนุ่มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการกู้ยืมดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT