
ภาพจาก JIM WATSON / POOL / AFP
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าได้ส่งจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นในความสัมพันธ์ด้านการค้าของเรา และข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะเดินหน้าทำงานร่วมกับประเทศไทยต่อไป แม้จะประสบปัญหาขาดดุลการค้ากับประเทศของท่านเป็นอย่างมากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เราตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อกับท่าน แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบการค้าที่สมดุล และเป็นธรรมมากขึ้น เราจึงขอเชิญประเทศไทยเข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดอันดับหนึ่งของโลก
จนถึงขณะนี้ เราได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย และได้ข้อสรุปว่า เราจำเป็นต้องลดช่องว่างการขาดดุลการค้าอันยาวนาน ซึ่งเกิดจากนโยบายกำแพงภาษีและมิใช่ภาษี ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าอื่น ๆ ของไทย
นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศไทยในอัตรา 36% สำหรับสินค้าทุกชนิดที่ส่งเข้ามายังสหรัฐฯ แยกจากภาษีตามหมวดหมู่สินค้าโดยสิ้นเชิง อีกทั้งสินค้าที่ถูกขนส่งจากประเทศที่สามเพื่อเลี่ยงภาษีจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่านั้น
โปรดเข้าใจว่า อัตรา 36% นี้ ยังต่ำกว่าระดับที่จำเป็น เพื่อแก้ไขความแตกต่างของดุลการค้าที่เรามีกับประเทศของท่าน
อย่างที่ท่านทราบ จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีใด ๆ หากประเทศไทยหรือบริษัทใดในประเทศไทย ตัดสินใจมาตั้งฐานผลิตสินค้าในสหรัฐฯ อีกทั้งเราจะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อให้มีการอนุมัติอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากประเทศไทยเลือกที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ตัวเลขนั้น ๆ จะถูกเพิ่มเข้าไปในอัตรา 36% ที่เราจะเรียกเก็บ
โปรดเข้าใจว่าการจัดเก็บภาษีนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อแก้ไขผลกระทบจากนโยบายภาษีและมิใช่ภาษีของไทยที่มีมานานหลายปี และนำไปสู่การขาดดุลการค้าต่อสหรัฐฯ และการขาดดุลการค้านี้ยังเป็นการคุกคามต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นอกจากประเทศไทย โดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งจดหมายเปิดผนึก แจ้งเรื่องการเรียกเก็บภาษีอัตราใหม่จากประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนี้
- สปป.ลาว 40% (ลดลง 8% จากเดิม 48%)
- เมียนมา 40% (ลดลงจากเดิม 8% จากเดิม 44%)
- กัมพูชา 36% (ลดลงจากเดิม 13% จากเดิม 49%)
- ไทย 36% (คงเดิมจากอัตราเดิม จากเดิม 36%)
- บังกลาเทศ 35% (ลดลงจากเดิม 1% จากเดิม 37%)
- เซอร์เบียร์ 35% (ลดลงจากเดิม 2% จากเดิม 37%)
- อินโดนีเซีย 32% (คงเดิมจากอัตราเดิม จากเดิม 32%)
- บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 30% (ลดลงจากเดิม 5% จากเดิม 35%)
- แอฟริกาใต้ 30% (คงเดิมจากอัตราเดิม จากเดิม 30%)
- ญี่ปุ่น 25% (เพิ่มขึ้นจากเดิม 1% จากเดิม 24%)
- คาซัคสถาน 25% (ลดลงจากเดิม 2% จากเดิม 37%)
- มาเลเซีย 25% (เพิ่มขึ้นจากเดิม 1% จากเดิม 24%)
- เกาหลีใต้ 25% (คงเดิมจากอัตราเดิม จากเดิม 25%)
- ตูนีเซีย 25% (ลดลงจากเดิม 3% จากเดิม 28%)


ภาพจาก Truth Social @realDonaldTrump