
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ livescience รายงานกรณีสุดช็อกของชายคนหนึ่งในสหรัฐฯ ที่เกือบเสียชีวิตหลังได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ไม่ใช่เพราะการผ่าตัดเกิดปัญหาหรือร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่ แต่เป็นเพราะ "ของแถม" ที่ติดมากับอวัยวะที่ได้รับบริจาค ทำให้เขาถูกส่งเข้าไอซียูในช่วงเวลา 10 สัปดาห์ต่อมา
ตามรายงานที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านวารสาร New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เปิดเผยว่า ผู้ป่วยชายวัย 61 ปี ได้รับการปลูกถ่ายไตที่โรงพยาบาลทั่วไปแมสซาชูเซตส์ (MassGen) ในสหรัฐฯ ก่อนที่ใน 10 สัปดาห์ต่อมา เขาจะถูกส่งตัวกลับมาเข้าแผนกไอซียูของทางโรงพยาบาลอีกครั้ง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ปรากฏว่าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติเช่น คลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำมาก ปวดท้อง ปวดหลัง และมีไข้ จึงแอดมิตเข้าโรงพยาบาลอีกแห่ง ซึ่งแพทย์พบว่าเขามีของเหลวสะสมในปอด อีกทั้งเขายังเริ่มหายใจเร็ว ระดับออกซิเจนลดลง จนเมื่อเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและช็อก ทางโรงพยาบาลดังกล่าวจึงส่งตัวผู้ป่วยกลับมายังแผนกไอซียูของ MassGen
ทีมแพทย์พบว่าผู้ป่วยมีผื่นสีม่วง ลักษณะคล้ายรอยช้ำเป็นกลุ่ม ๆ แพร่กระจายทั่วบริเวณหน้าท้อง จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบประวัติการรักษาของผู้ป่วย รวมถึงเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของอาการเหล่านั้น ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากผู้ป่วยต้องใช้ยากดภูมิเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่ ทำให้เขาติดเชื้อได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม หลังการตรวจสอบและตัดความน่าจะเป็นหลายอย่าง ดร.คามิล คอตตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและการปลูกถ่ายอวัยวะ พบว่าในเลือดของผู้ป่วยมีระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว eosinophils เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวดังกล่าวมักมีบทบาทในการต่อสู้กับพยาธิ แม้อาจจะมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มสูงได้เช่นกัน แต่สาเหตุเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ในเคสของผู้ป่วยรายนี้
ดร.คอตตัน เปิดเผยว่า เธอเคยได้ยินว่ามีเคสที่ผู้ป่วยได้รับพยาธิมาจากอวัยวะที่ทำการปลูกถ่าย จึงติดต่อไปหา New England Donor Services ซึ่งเป็นองค์กรจัดหาอวัยวะระดับภูมิภาค เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการปนเปื้อนที่เป็นไปได้ จากนั้นทางองค์กรได้นำเลือดของผู้บริจาคที่เสียชีวิตมาตรวจสอบ ก็พบหลักฐานยืนยันว่าระบบภูมิคุ้มกันของผู้บริจาค เคยเจอกับพยาธิเส้นด้ายมาก่อน
ทั้งนี้ จากการตรวจเลือดผู้ป่วย บ่งชี้ว่าเขาไม่น่าจะมีพยาธิเส้นด้ายก่อนการปลูกถ่ายอวัยวะ และเมื่อแพทย์เก็บตัวอย่างจากร่างกายเขามาตรวจเพิ่มเติม ก็พบว่าพยาธิกระจายไปทั่วร่างกายของเขาแล้ว ทั้งช่องท้อง ปอด และผิวหนัง ทีมแพทย์จึงรีบให้ยาไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) ซึ่งเป็นยาต้านปรสิต โดยได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังของผู้ป่วย กระทั่งในที่สุดก็สามารถรักษาผู้ป่วยได้จนหาย
อนึ่ง การติดเชื้อจากการปลูกถ่ายอวัยวะนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในสหรัฐฯ พบเคสการติดเชื้อจากผู้บริจาคเพียง 14 ราย จากการปลูกถ่ายอวัยวะทุก ๆ 10,000 ครั้ง โดยแม้ว่าอวัยวะที่จะถูกนำมาบริจาคจะถูกตรวจหาโรคติดเชื้อแล้ว แต่การตรวจเหล่านั้นไม่อาจตรวจจับได้ทุกอย่างเสมอไป
นอกจากเคสของผู้ป่วยชายวัย 61 ปี ข้างต้น ยังพบผู้ป่วยชายวัย 66 ปี ที่ได้รับบริจาคไตอีกข้างจากผู้บริจาครายเดียวกัน ติดพยาธิจากอวัยวะที่ถูกปลูกถ่ายด้วย โดยชายคนดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์อัลบานี เนื่องจากมีอาการเหนื่อยล้า เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ และการทำงานของไตแย่ลง หลังการปลูกถ่ายอวัยวะ ดังนั้น เมื่อทางศูนย์การแพทย์ฯ ได้รับแจ้งเตือนเคสดังกล่าว จึงสามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้สำเร็จ โดยอาศัยข้อมูลที่ได้รับการแชร์จาก MassGen
ขอบคุณข้อมูลจาก livescience