
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร
จากข่าวสะเทือนวงการผ้าเหลือง กรณี พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเป็นเจ้าคณะภาค 14 แต่มีพฤติกรรมยักยอกเงินของวัดไปเล่นการพนันออนไลน์ พบว่าให้กรรมการวัดทำการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของวัดไร่ขิง มายังบัญชีส่วนตัว จากนั้นได้โอนไปให้หญิงสาวที่เป็นนายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อเติมเครดิตสำหรับใช้เล่น บาคาร่า สูญเงินไปกว่า 300 ล้านบาทนั้น
อ่านข่าว : เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง โร่แจงตำรวจ ปมยักยอกเงินวัด 300 ล้าน พบติดพนันออนไลน์

วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ออกมาวิจารณ์ถึงพฤติกรรมของ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง โดยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการหารายได้ของวัด โดยเฉพาะค่าที่งานวัด ที่อาจจะเกี่ยวกับการหาเงินให้เจ้าอาวาสหรือไม่
โพสต์ดังกล่าวระบุว่า "ที่เก็บค่าที่แพง ๆ นี่ นึกว่าเอาไปบำรุงวัด ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บเหรอคะ ค่าที่แพงเพราะแทงไม่ถูก (อีโมจิมองบน)"

พระพุทธเจ้าเปรียบพระประเภทนี้เหมือนโคถึก ที่จะเจริญก็แต่เพียงในทางเนื้อหนังมังสาเท่านั้น (แต่สติปัญญาไม่ได้เจริญด้วย) ก็ขอให้ได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ เครื่องเตือนใจกันเอาไว้นะคะ แม้ว่าจะเป็นทิฏฐานุคติในทางที่ไม่ดีก็ตาม
ภิกษุในพระศาสนา มีแค่สองสิ่งที่เป็นเครื่องคุ้มกันรักษาได้ นั่นก็คือพระธรรมวินัย ภิกษุเป็นภิกษุก็เพราะพระธรรมวินัย ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่น หากปราศจากพระธรรมวินัยเสียแล้ว พระก็ไม่ต่างจากพรานใจทรามที่คลุมกายด้วยจีวรฆ่าช้างในพระธรรมบท
ลาภยศและของสักการะเป็นสิ่งเผ็ดแสบทารุณ พระพุทธเจ้าท่านเตือนไว้แล้วนะคะ หากพระมีอกุศลจิตหยิบฉวย ก็มีแต่จะพาให้ตัวซวย ทั้งกองศีลก็มัวหมองเป็นมลทิน
เงินเพียงห้ามาสกยังฆ่าพระใจโลภได้ นี่นับประสาอะไรกับเงิน 500 ล้าน จะไม่ฆ่าสมภารวัดไร่ขิง ไม่ฆ่าพระธรรมวชิรานุวัตร ที่เคยเป็นสังฆบดีของคณะสงฆ์ภาค 14
ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก แม้ถูกประทุษร้ายจนตาย ก็ยังสามารถแช่มชื่นใจในความบริสุทธิ์แห่งศีลของตนเองได้ แต่ท่านที่มีเพียงลาภและยศนอกกาย ไฉนจะช่วยรักษาคุ้มภัยให้บริสุทธิ์ได้
ถ้าท่านทูนพระธรรมวินัยไว้เหนือหัว พระธรรมวินัยก็จะชูท่านดังแก้วมณีขาวอันมีค่ามหาศาล แต่ถ้าท่านทูนลาภยศไว้บนกบาล ลาภยศก็จะทำลายท่านให้เหมือนดั่งเถ้าถ่านไม่มีราคา อย่าหาว่าฆราวาสสอนเลยนะคะ"