กรมควบคุมโรค เผยอาการหากสัมผัส ซีเซียม-137 พร้อมแนะข้อควรปฏิบัติ ด้าน ดร.สนธิ ชี้หากปนเปื้อนอาจกระทบระยะยาว ต้องเฝ้าระวังอย่างน้อย 5 ปี
ภาพจาก ข่าวช่อง 3
จากกรณีแท่งเหล็กที่บรรจุกัมมันตรังสี ซึ่งหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวโดยสรุปว่า ซีเซียม-137 ที่หายไปจากโรงไฟฟ้าอาจถูกส่งไปที่โรงงานหลอมเหล็กที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และถูกหลอมไปแล้ว ทำให้เกิดข้อกังวลในวงกว้างถึงการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีในสภาพแวดล้อมนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 20 มีนาคม 2566 กรมควบคุมโรค ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับ ซีเซียม-137 รวมทั้งเผยอาการที่พบเมื่อสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 รวมทั้ง ข้อควรปฏิบัติหลังการสัมผัส โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้
ซีเซียม-137 คืออะไร
ซีเซียม-137 เป็นสารกัมมันตรังสี ที่มีลักษณะโลหะอ่อนมาก สีทองเงิน เป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง แต่มักจะจับตัวกับคลอไรด์กลายเป็นผงผลึก ปล่อยรังสีเบต้า และแกมมา ใช้ในโรงงาน นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องมือทางการแพทย์รักษามะเร็ง
อันตรายจากการสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137
สำหรับอันตรายจากการสัมผัสสารกัมมันตรังสี ขึ้นอยู่กับปริมาณของรังสี ชนิดของรังสีที่ได้รับ
อาการที่พบเมื่อสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137
- ไข้
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- ถ่ายเหลว
- ผิวหนังบริเวณที่โดนรังสีจะเกิดแผลไหม้พุพอง
- ในกรณีสัมผัสปริมาณมาก ส่งผลกระทบต่อระบบเลือด กดไขกระดูก ระบบประสาท ชักเกร็ง และอาจเสียชีวิตได้
ภาพจาก ข่าวช่อง 3
ข้อควรปฏิบัติหลังการสัมผัส ซีเซียม-137
- ลดการปนเปื้อน โดยล้างตาให้น้ำไหลผ่านจากหัวตาไปทางหางตาด้วยน้ำสะอาด ล้างมือ อาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ถุงปิดปากให้สนิทเพื่อตรวจสอบว่ามีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีหรือไม่
- ไปลงทะเบียนยังหน่วยงานที่กำหนด ให้มีการจัดทำทะเบียนผู้สัมผัสหรืออยู่ในเหตุการณ์เพื่อการเฝ้าระวังสุขภาพและควบคุมการแพร่กระจายของกัมมันตรังสี
- ห้ามหยิบจับวัตถุทุกชนิด ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามนำมือสัมผัสบริเวณภายในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ได้กำหนดไว้ให้เป็นพื้นที่อันตราย
การป้องกันและการปฏิบัติตน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตรังสีหรือกล่องเหล็กต้องสงสัย
- ถ้าอยู่ในที่เกิดเหตุให้ไปลงทะเบียนผู้สัมผัสสารกัมมันตรังสียังหน่วยงานที่กำหนด
- รวบรวมสิ่งของหรือเสื้อผ้าที่คาดว่าอาจมีการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบก่อนนำไปใช้
- ควรล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
- ติดตามข้อมูลสถานการณ์การเกิดเหตุ และปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด
- อย่างไรก็ตาม ให้สังเกตอาการที่ควรพบแพทย์ ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลวมากเกินกว่า 2 ครั้ง มีไข้ หนาวสั่น ชักเกร็ง มีเลือดออกที่ใดที่หนึ่งภายในหนึ่งสัปดาห์หลังโดนรังสี หรือมีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137
ทั้งนี้ หากสงสัยมีอาการดังกล่าว ติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี โทร 037-211626 ต่อ 102 และเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมทั้งแจ้งประวัติสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137
ดร.สนธิ ชี้ ซีเซียม-137 หากปนเปื้อนอาจกระทบระยะยาว ต้องเฝ้าระวังอย่างน้อย 5 ปี
ขณะที่ สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat หัวข้อความจริงที่ต้องยอมรับเพื่อนำไปสู่การจัดการสำหรับ ซีเซียม-137 ที่ถูกหลอมไปแล้ว ระบุว่า
1. ข้อมูลกรมโรงงานแท่งซีเซียม-137 ถูกหลอมกับเศษเหล็กแล้วที่โรงงานหลอมเหล็กใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แล้วได้นำฝุ่นแดง 12.4 ตันในโรงงานไปสู่กระบวน การรีไซเคิล ที่ จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2566
2. กระบวนการหลอมเหล็กในเตาหลอม จะนำเศษเหล็ก (ซึ่งกรณีนี้มีแท่งซีเซียม-137 มารวมด้วย) มาอัดกันเป็นก้อนแล้วเทเข้าสู่เตาหลอมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศาฯ ขณะที่เพิ่มความร้อนจะมีฝุ่นเหล็กละเอียดออกมาลอยผ่าน Hood ขึ้นไปสู่ถุงกรองฝุ่นหรือ Baghouse filter ซึ่งจะทำการกรองฝุ่นละเอียดไว้ได้ถึง 90% อีก 10% จะลอยออกไปที่ปลายปล่องสู่บรรยากาศขณะที่ก้นเตาหลอมจะมีตะกรันเหล็กหรือ Slag ที่เผาไหม้ไม่หมดกองอยู่ด้วย
3. ดังนั้นที่ปลายปล่องมีฝุ่นละเอียดกับซีเซียม-137 ระบายออกไปสู่บรรยากาศรอบ ๆ โรงงานหลอมเหล็กซึ่งอาจไปไกลมากกว่า 5 กิโลเมตร ส่วนฝุ่นแดงกับซีเซียม-137 ในถุงกรองหรือ Baghouse filter จะถูกบรรจุในถุงขนาดใหญ่นำไปรีไซเคิลยังโรงงานใน จ.ระยอง เพื่อสกัดธาตุสังกะสีออกมา ซึ่งการสกัดต้องใช้การถลุงที่ใช้ความร้อนสูงจึงอาจมีซีเซียม-137 ปนเปื้อนออกมาที่ปลายปล่องสู่บรรยากาศรอบ ๆ โรงงานนั้นใน จ.ระยองด้วย ส่วนตะกรันเหล็กหรือ Slag ทราบว่าโรงงานหลอมเอาไปฝังกลบไว้รอบ ๆ โรงงาน ดังนั้นจึงอาจมีสารซีเซียม-137 ปนเปื้อนในดิน น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินได้
4. สิ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตหากสารซีเซียม-137 ปะปนในสิ่งแวดล้อมทั้งอากาศ ดิน น้ำผิวดิน น้ำใต้ ดินและอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศวิทยา เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ทั้ง การหายใจและทางอาหาร เช่น ซีเซียม-137 ลงในน้ำเข้าสู่ตัวปลาและมนุษย์จับปลามากิน เป็นต้น หรือหายใจเอาฝุ่นของซีเซียม-137 เข้าไปจะสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งสารซีเซียม-137 จะปล่อยรังสีแกมมาและเบตาออกมา การสลายตัวครึ่งชีวิตใช้เวลาถึง 30 ปี รังสีที่แผ่ออกมาจากฝุ่นซีเซียม-137 จะทำให้เซลล์ในร่างกายเกิด กลายพันธุ์ หรือกลายเป็นเซลล์ที่ผิดปกติ บางส่วนของรังสีจะไปกระตุ้นโครโมโซมในยีนส์ให้เปลี่ยนรูป สุดท้ายประมาณ 5-10 ปี ก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้
5. ผลกระทบต่อสุขภาพในปัจจุบันอาจไม่ค่อยเห็น แต่ระยะยาวหากรับสารนี้เข้าไปไม่ว่าทางการหายใจหรือการกินมีผลกระทบแน่ ดังนั้นภาครัฐต้องเฝ้าระวังสุขภาพของพนักงานและประชาชนรวมทั้งในสิ่งแวดล้อมและในอาหารสัตว์น้ำ พืช ผัก ผลไม้ที่ปลูกใกล้เคียงโรงงานอย่างน้อย 1-2 ปี ให้แน่ใจว่าไม่มีสารซีเซียม-137 ตกค้างในห่วงโซ่อาหารแล้วจึงค่อยวางมือ ขณะเดียวกันต้องบอกความจริงเกี่ยวกับผลของการตรวจวัดรังสีและผลกระทบต่อสุขภาพให้ประชาชนทราบ รวมทั้งเฝ้าระวังสุขภาวะประชาชนกลุ่มเสี่ยงในรัศมี 5 กิโลเมตรอย่างน้อย 5 ปีด้วย

ข่าวในพระราชสำนัก ข่าวในพระราชสํานักย้อนหลัง
ข่าวบันเทิงดาราไทยข่าวบันเทิงวันนี้ ข่าวบันเทิงล่าสุด
ข่าวบันเทิงเกาหลีข่าวบันเทิงเกาหลีวันนี้
ข่าวบันเทิงต่างประเทศข่าวดาราฮอลลีวู้ด และอื่นๆ
ข่าวเพลงใหม่ข่าวเพลงวันนี้
ข่าวหนังใหม่ข่าวหนังต่างประเทศ
ข่าวการเมืองข่าวการเมืองล่าสุด ข่าวการเมืองวันนี้
ข่าวเศรษฐกิจข่าวเศรษฐกิจโลก ข่าวเศรษฐกิจไทย
ข่าวต่างประเทศข่าวต่างประเทศวันนี้ ข่าวต่างประเทศล่าสุด
ข่าวประเทศจีนข่าวจีนวันนี้ ข่าวจีนแปลกๆ
ข่าวอาชญากรรมข่าวอาชญากรรมวันนี้ ข่าวอาชญากรรมล่าสุด
ข่าวปัญหาสังคมข่าวเตือนภัยสังคม
ข่าวยาเสพติดจับยาเสพติดวันนี้
ข่าวอุบัติเหตุคลิปอุบัติเหตุ อุบัติเหตุสยอง ข่าวอุบัติเหตุวันนี้
ข่าวสภาพอากาศ - น้ำท่วมข่าวพยากรณ์อากาศ น้ำท่วมล่าสุด
ข่าวภูมิภาคข่าวภูมิภาค 77 จังหวัด ข่าวภูมิภาควันนี้
ข่าวภาคใต้ข่าวภาคใต้ล่าสุด ข่าวด่วนภาคใต้
ข่าวกีฬาข่าวกีฬาวันนี้
ข่าวฟุตบอลข่าวกีฬาฟุตบอล ข่าวฟุตบอลทั้งหมด
ข่าวรถใหม่ข่าวรถยนต์ ราคารถใหม่ ข่าววงการรถ
ข่าวมือถือข่าวมือถือล่าสุด ราคามือถือ
ข่าววิทยาศาสตร์ข่าววิทยาศาสตร์ใหม่ น่ารู้
ข่าวไอทีอัพเดทข่าวไอที ข่าวไอทีวันนี้
ข่าวการศึกษาข่าวการศึกษาไทย ข่าวการศึกษาวันนี้
ข่าวอาเซียนข่าวอาเซียนวันนี้ ล่าสุด
ข่าวสุขภาพข่าวสุขภาพน่ารู้ สุขภาพวันนี้
ข่าวท่องเที่ยวข่าวท่องเที่ยวล่าสุด ข่าวท่องเที่ยวไทย
ข่าวหวยเลขเด็ดงวดนี้ ข่าวหวยดัง
ข่าว x-fileข่าวแปลกๆ เรื่องแปลกทั่วโลก เรื่องลึกลับ
ข่าวฮิตสังคมออนไลน์กระแสเรื่องฮิต จาก facebook twitter
คลิปข่าวคลิปข่าววันนี้ คลิปข่าวใหม่ คลิปข่าวล่าสุด

